วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2559
วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2559
วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2559
วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559
วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2559
วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2559
วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2559
สถิติประชากรและบ้าน
สถิติประชากรและบ้าน - จำนวนประชากรแยกรายอายุ
http://stat.dopa.go.th/stat/statnew/upstat_age.php
สถิติจำนวนประชากรและบ้าน ณ ฐานข้อมูลปัจจุบัน
http://stat.dopa.go.th/stat/statnew/upstat_m.php
http://stat.dopa.go.th/stat/statnew/upstat_age.php
สถิติจำนวนประชากรและบ้าน ณ ฐานข้อมูลปัจจุบัน
http://stat.dopa.go.th/stat/statnew/upstat_m.php
วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
เกษียณแล้วได้อะไรบ้าง
จากไลน์เพื่อนส่งมาครับ ... !!!
ใครรับราชการ
ให้บันทึกเก็บไว้นะครับ
มีประโยชน์มาก
เกษียณแล้วได้อะไรบ้าง
อันนี้ละเอียดดีครับ
1)-
ไม่เป็นสมาชิก กบข.
ก): กรณีรับบำเหน็จ =
เงินเดือนเดือนสุดท้าย x
อายุราชการ(รวมอายุราชการทวีคูณ)
กรณีนี้จะได้รับเงินก้อนเดียว
สิทธิต่าง ๆ ระงับไป
ยกเว้นการขอพระราชทานเพลิงศพ
ข): กรณีรับบำนาญ =
เงินเดือนเดือนสุดท้าย x
อายุราชการ (รวมอายุราชการทวีคูณ เกิน 6
เดือนนับเป็น 1
ปี) หาร 50
กรณีนี้จะได้รับเงินทุกเดือนจนกว่าจะเสียชีวิต
และยังมีสิทธิได้รับ
1.
ค่ารักษาพยาบาลของตนเอง คู่สมรสและบิดามารดา
บุตรที่ไร้ความสามารถ ยกเว้นบุตรปกติที่อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์
2.
ค่าเล่าเรียนบุตร เบิกได้ถึงอายุ 25
ปีบริบูรณ์
3.
บำเหน็จดำรงชีพ = เงินบำนาญ x 15
เท่า
เมื่อเกษียณได้รับเลย 200,000.-฿
เมื่ออายุครบ 65
ปีขอรับได้อีก 400,000.-฿
รวม 2
ครั้งไม่เกิน 600,000.-฿
แต่ทั้งหมดนี้ไม่เกิน 15
เท่าของเงินบำนาญ
4.
เงินช่วยพิเศษ (ถึงแก่กรรม) =
เงินบำนาญ x 3
เท่า
มอบให้กับผู้ที่ผู้รับบำนาญแสดงเจตนาหรือทายาทตามกฎหมาย
5.
เงินบำเหน็จตกทอด (ถึงแก่กรรม) =
เงินบำนาญ x 30
เท่า – เงินบำเหน็จดำรงชีพที่เบิกไปแล้ว
มอบให้กับทายาทตามกฎหมายหรือผู้ที่ผู้รับบำนาญแสดงเจตนา
(กรณีที่ไม่มีทายาท)
และถ้าไม่มีผู้รับให้สิทธิบำเหน็จตกทอดเป็นอันยุติลง
2)-
เป็นสมาชิก กบข.
ก): กรณีรับบำเหน็จ =
เงินเดือนเดือนสุดท้าย (เศษเดือนเศษวันเป็นจุดทศนิยม x อายุราชการ
(รวมอายุราชการทวีคูณ)
กรณีนี้จะได้รับเงินก้อนเดียว
สิทธิต่าง ๆ ระงับไป
ยกเว้นการขอพระราชทานเพลิงศพ
ข): กรณีรับบำนาญ =
เงินเดือนเฉลี่ย 60
เดือนสุดท้าย x อายุราชการ
(รวมอายุราชการทวีคูณ เป็นจุดทศนิยม) หารด้วย 50
แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกิน 70%
ของเงินเดือนเฉลี่ย 60
เดือน
กรณีนี้จะได้รับเงินทุกเดือนจนกว่าจะเสียชีวิต
และยังมีสิทธิได้รับสิทธิต่าง ๆ เหมือนกับบำนาญปกติ
สมาชิก กบข.แบบ ก.,ข.
ยังได้รับเงิน
1.
เงินสะสม + ผลประโยชน์
2.
เงินประเดิม + ผลประโยชน์
3.
เงินชดเชย + ผลประโยชน์
4.
เงินสมทบ + ผลประโยชน์
ส่วนผู้ที่ลาออกจาก กบข.จะได้เงินสะสมของตนเองคืน
3)-
เงินต่าง ๆ ที่สมัครเป็นสมาชิก
ก): เงินฌาปนกิจสงเคราะห์
ข):
เงินผลประโยชน์จากหุ้นสหกรณ์
ค):
เงินประกันชีวิตและเงินช่วยเหลือจากสหกรณ์
กรณีผู้รับบำนาญตายผู้ที่ได้รับคือผู้ที่ผู้รับบำนาญแสดงเจตนาหรือทายาทตามกฎหมาย
หมายเหตุ
ทายาทตามกฎหมายได้แก่
1.
บุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ได้รับคนละ 1
ส่วน
2.
สามีภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมาย ได้รับ 1
ส่วน
3.
บิดามารดาหรือบิดาหรือมารดาที่มีชีวิตอยู่
ได้รับ 1
ส่วน
):
ประกาศราชการทวีคูณ
– ช่วงที่
1
วันที่ 19
ก.ย.49 – 26
ม.ค.50 = 4
เดือน 11
วัน
– ช่วงที่
2
วันที่ 20
พ.ค.57 – 1
เม.ย.58 = 11
เดือน 7
วัน
รวม 2 ช่วง
= 15 เดือน
18 วัน
วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
พออายุใกล้ 70 ข้าพเจ้าเรียนรู้สิ่ง 7 สิ่งในชีวิต
อ่านกันกี่ครั้งก็ยังเตือนใจใด้ดีอยู่
-นักเขียนอักษรพู่กันจีนชื่อดัง ได้บันทึกถึงความรู้สึกที่มีต่อชีวิต
เมื่อผ่านเข้าใกล้วัย 70 ซึ่งมีสาระน่าศึกษาดังนี้
"พออายุใกล้ 70 ข้าพเจ้าเรียนรู้สิ่ง 7 สิ่งในชีวิต
1.
ต้องอยู่ให้รอด - ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้วตก อยู่อีก 1 วัน... เหลือน้อยลง 1 วัน
สุขอีก
1 วัน... กำไร 1 วัน
2.
ต้องอยู่ให้มีความสุข-
ตำแหน่งสูง
มิสู้มีรายได้สูง..
รายได้สูง
มิสู้อายุยืน..
อายุยืน
มิสู้มีความสุข..
ขอให้มีความสุข
เพราะความสุขคือเงินสด..
นอกนั้นแค่กระดาษเช็ค
3.
ต้องเป็นของเราเอง-
หมายถึงไม่ใช่เป็นของคนอื่น
หรือยืมของคนอื่นมาใช้..
..ตำแหน่งเป็นของชั่วคราว
..เกียรติยศเดี๋ยวก็ผ่านไป
..สุขภาพเท่านั้นที่เป็นของเรา
4.
ไม่เหมือนกัน-ย่อมไม่เหมือนกัน
ความรักที่พ่อแม่ให้กับลูกไม่มีขีดจำกัด..
แต่ความรักของลูกต่อพ่อแม่มีขีดจำกัด..
..ลูกๆ ป่วย พ่อแม่กลุ้มใจ
..พ่อแม่ป่วย แค่ลูกๆ มาเยี่ยมมาถามไถ่ ก็พอใจแล้ว
..ลูกๆ ใช้เงินพ่อแม่ สมเหตุสมผล
..พ่อแม่จะใช้เงินลูกๆ ต้องมีเหตุมีผล
..บ้านพ่อแม่ก็คือบ้านลูกๆ
..บ้านลูกๆ ไม่ใช่บ้านของพ่อกับแม่
ไม่เหมือนกันก็คือไม่เหมือนกัน..
พ่อแม่ที่เข้าใจ
จะถือเอาความกตัญญูกตเวทีของลูกๆ เป็นจิตอาสาและความสุข ไม่หวังการตอบแทน..
หากหวังการตอบแทน
นั่นคือหาทุกข์ใส่ตัว
5.
อย่าคาดหวังใคร-
ยามป่วยอย่าคาดหวังใคร
แม้แต่ลูกๆ..
"ไม่มีลูกกตัญญูหน้าเตียงคนป่วยเรื้อรังหรอก"..
คาดหวังคู่ชีวิตหรือ
เขาเองก็เอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว
ที่คาดหวังได้
คือเงินอย่างเดียว ใช้เงินรักษาตัว
6.
ระลึกแต่ความหลัง -
อาจจำเป็น
เพราะจำเรื่องราวได้น้อยลง ลืมมากขึ้น ฉะนั้นสุขภาพคือทรัพย์..จำไว้
..แข็งแรงเข้าไว้ หาความสุขเสมอ..
7.
อย่ากลัวความตาย-
เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมชาติ
ทุกคนเท่าเทียมกัน..
ต้องมีความพร้อมด้านจิตใจ
พอยมบาลมาเรียก ก็พร้อมที่จะไปได้เลย ต้องไม่มีการอาลัยอาวรณ์..
ครบ
7 ข้อ
"ยามลำบาก มากอุปสรรค.. ต้องตั้งหลักให้มั่นคง
ยามได้ดี
มียศสูงส่ง.. ต้องรู้ ปลง ปลดปล่อยวาง"..
ฉะนั้น
อย่าท้อ เวลาผ่านไป เงื่อนไขเปลี่ยน สถานการณ์ก็มักผันแปร อาจดีขึ้นก็ได้..
เราไม่จำเป็นต้องรวยเพราะมีเงินมาก
แต่เราอาจรวยความสุขได้เพราะการให้ :) I
วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในวันตรุษจีน
สิ่งที่ควรทำ8ประการวันตรุษจีน
สิ่งที่ไม่ควรทำ12ประการในวันตรุษจีน
- ไหว้เจ้าที่ ไหว้บรรพบุรุษ ไหว้ผีไม่มีญาติ
คนจีนทุกบ้านจะต้องไหว้เจ้าในช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยเชื่อว่าการไหว้เจ้าที่ไหว้บรรพบุรุษ จะนำความสุขมาสู่ครอบครัวนั้น - ทำพิธีรับไฉ่ซิ้งเอี๊ย(เทพเจ้าแห่งโชคลาภ)
- ประดับตุ๊ยเลี้ยง(คำกลอนปีใหม่)ในบ้าน
- กินเจมื้อแรกของวันตรุษจีน
- ใส่เสื้อผ้าใหม่ๆ สีสันสดใส
ชาวจีนนิยมใส่เสื้อผ้าที่มีสีสันสดใส เช่น สีแดง สีทอง ซึ่งเป็นสีแห่งความสุข ความสิริมงคล - รวมญาติกินเกี๊ยว
วันซาจั๊บ คนในครอบครัวจะมาร่วมโต๊ะรับประทานเกี๊ยวด้วยกัน ซึ่งเกี๊ยวจะต้องพับเป็นก้อนให้เหมือนเงิน ซึ่งแทนความหมาย มั่งมีเงินทอง - อวยพรปีใหม่ด้วยส้ม4ผล
- รับอั่งเป่า แต๊ะเอีย
สิ่งที่ไม่ควรทำ12ประการในวันตรุษจีน
- ห้ามทำความสะอาดบ้าน
เพราะเป็นการกวาดเอาโชคลาภออกไปจากบ้าน - ห้ามซักผ้าในวันตรุษจีน
เทพเจ้าแห่งน้ำเกิดในวันตรุษจีน การซักผ้าจึงเหมือนเป็นการลบหลู่ท่าน - ห้ามสระผมหรือตัดผม
เพราะเหมือนเป็นการเอาความมั่งคั่งออกไป - ห้ามร้องไห้
เพราะจะทำให้พบกับเรื่องไม่ดีและเสียใจไปตลอดปี - ห้ามซื้อรองเท้าใหม่
เพราะรองเท้าในภาษาจีนออกเสียงว่าHai คล้ายกับถอนหายใจ ถือเป็นสัญญาณไม่ดี - ห้ามกินโจ๊กและเนื้อสัตว์
การกินโจ๊กในตอนเช้าของวันตรุษจีนเหมือนกับขัดขวางไม่ให้ตัวเองร่ำรวย - ห้ามพูดคำหยาบและทะเลาะเบาะแว้ง
การพูดสิ่งไม่ดีจะนำความโชคร้ายมาให้ตลอดทั้งปี - ห้ามเข้าไปในห้องนอนของคนอื่น
เพราะถือว่าเป็นโชคร้าย - ห้ามใส่ชุดขาวดำ
เพราะการสวมเสื้อสีขาวดำหมายถึงลางร้าย คนจีนจึงสวมใส่เสื้อผ้าสีแดง เพราะสีแดงจะนำความโชคดีมาให้ - ห้ามทำของแตก ลางร้ายครอบครัวจะมีคนแตกแยกหรือเสียชีวิต
- ห้ามใช้ของมีคม
เพราะจะเป็นการตัดโชคดีออกไป - ห้ามให้ยืมเงิน
เพราะจะทำให้มีแต่คนมาหยิบยืมตลอด และหากติดเงินใคร ผู้นั้นจะมีหนี้สินไปตลอดปี
วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2559
อ่านผลตรวจเลือดด้วยตนเอง
อ่านผลตรวจเลือดด้วยตนเอง
โดย นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
วันนี้ผมจะรวบยอดสอนการแปลผลการตรวจเคมีในเลือดให้ฟัง ท่านที่ถามมาคล้ายกันแต่ว่าผมไม่ได้ตอบก็ขอให้เอาวิธีแปลผลที่คุยกันวันนี้ไปแปลผลการตรวจของท่านเอาเองก็แล้วกัน
1.. Blood chemistry แปลตรงๆว่าเคมีของเลือด หมายถึงระดับของสารต่างๆที่อยู่ในเลือดซึ่งก่อปฏิกิริยาเคมีได้ ซึ่งการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของสารเหล่านี้ บ่งบอกไปถึงว่าจะมีโรคอะไรเกิดขึ้นในร่างกายบ้าง
2.. FBS = ย่อมาจาก fasting blood sugar แปลว่าระดับน้ำตาลในเลือดหลังการอดอาหารมาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง เป็นการตรวจสถานะของโรคเบาหวานโดยตรง คือคนปกติค่านี้จะต่ำกว่า 100 mg/dL ถ้าของใครสูงเกิน 125 ก็ถือว่าเป็นเบาหวานแล้วอย่างบริบูรณ์
3.. HbA1C = ย่อมาจาก hemoglobin A1C แปลว่าระน้ำตาลสะสมเฉลี่ยสามเดือนในเม็ดเลือดแดง มีความหมายคล้ายๆกับค่า FBS คือโดยคำนิยามถ้าน้ำตาลสะสมเฉลี่ยของของใครสูงกว่า 6.5% ก็ถือว่าเป็นโรคเบาหวานไปแล้วอย่างบริบูรณ์ ค่า HbA1C นี้ดีกว่าค่า FBS ในสองประเด็น คือ3.1 ทำให้เราตรวจคัดกรองเบาหวานได้ทุกเมื่อ โดยไม่ต้องอดอาหารมาล่วงหน้า3.2 การที่มันสะท้อนค่าน้ำตาลในเลือดในช่วงเวลาสามเดือนย้อนหลัง จึงตัดปัญหาระดับน้ำตาลวูบวาบในช่วงหนึ่งวันก่อนการตรวจ คือคนไข้บางคนที่จะทำตัวดีเฉพาะสองสามวันก่อนไปหาหมอเพื่อให้น้ำตาลในเลือดดูดี พอคล้อยหลังหมอตรวจเสร็จก็ออกมาสั่งไอติมมากินเป็นกะละมังให้หายอยาก คนไข้แบบนี้การตรวจ HbA1C จะทำให้ทราบสถานะที่แท้จริงของเบาหวานดีกว่า
4.. BUN = ย่อมาจาก blood urea nitrogen แปลว่าไนโตรเจนในรูปของยูเรีย ตัวยูเรียนี้เป็นเศษของเหลือจากการเผาผลาญโปรตีนที่ตับ ซึ่งต้องถูกกำจัดทิ้งโดยไต การวัดระดับค่าของ BUN เป็นตัวบ่งบอกว่าเลือดไหลไปกรองที่ไตมากพอหรือไม่ ในภาวะที่เลือดไหลไป่กรองที่ไตน้อยลง เช่นในภาวะร่างกายขาดน้ำ หรือสูญเสียเลือดไปทางอื่นเช่นเลือดออกในทางเดินอาหาร หรือในภาวะช็อก ระดับของ BUN จะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ค่าปกติของ BUN คือ 8-24
5.. Cr = เขียนเต็มว่า Creatinine แปลว่าเศษเหลือจากการสลายตัวของกล้ามเนื้อ คือกล้ามเนื้อของคนเรานี้มันสลายตัวและสร้างใหม่อยู่ตลอดเวลา คนมีกล้ามมากก็สลายตัวมากสร้างมาก Cr ซึ่งเป็นเศษซากที่สลายตัวออกมาจะถูกไตขับทิ้งไป แต่ในกรณีที่ไตเสียการทำงาน เช่นเป็นโรคไตเรื้อรัง ไตจะขับ Cr ออกทิ้งไม่ทันกับที่กล้ามเนื้อสลายออกมา ทำให้ระดับ Cr ในเลือดสูงผิดปกติ ค่าปกติของมันคือ 0.7-1.2 mg/dL
6.. eGFR = เรียกสั้นๆว่า จีเอฟอาร์. ย่อมาจาก estimated glomerular filtration rate แปลว่าอัตราการไหลของเลือดผ่านตัวกรองของไตในหนึ่งนาที ค่านี้ได้จากการคำนวณเอาจาก Cr กับอายุ และชาติพันธุ์ของเจ้าตัว ห้องแล็บที่ยังไม่ทันสมัยจะไม่รายงานค่านี้ ถ้าเจ้าตัวอยากทราบค่านี้ต้องเอาค่า Cr ที่ได้ไปอาศัย GFR calculator ตามเว็บในเน็ทคำนวณให้ ค่าจีเอฟอาร์.นี้มีประโยชน์มากในแง่ที่ใช้แบ่งระดับความรุนแรงของคนที่ Cr ผิดปกติอย่างคุณนี้ว่ามีความรุนแรงเป็นโรคไตเรื้อรังระยะไหนของ 5 ระยะ กล่าวคือระยะที่ 1 ตรวจพบพยาธิสภาพที่ไตแล้ว แต่ไตยังทำงานปกติ (จีเอฟอาร์ 90 มล./นาที ขึ้นไป) ระยะที่ 2 ตรวจพบพยาธิสภาพที่ไตแล้ว และไตเริ่มทำงานผิดปกติเล็กน้อย (จีเอฟอาร์ 60-89 มล./นาที) ระยะที่ 3 ไตทำงานผิดปกติปานกลาง ไม่ว่าจะตรวจพบพยาธิสภาพที่ไตหรือไม่ก็ตาม (จีเอฟอาร์ 30-59 มล./นาที)ระยะที่ 4 ไตทำงานผิดปกติมาก (จีเอฟอาร์ 15-29 มล./นาที)ระยะที่ 5. ระยะสุดท้าย (จีเอฟอาร์ต่ำกว่า 15 หรือต้องล้างไต)
7.. Uric acid ก็คือกรดยูริกที่เป็นต้นเหตุของโรคเก้าท์นั่นแหละ ค่าปกติของกรดยูริกในเลือดคือ 3.4-7.0
8..Triglyceride คือไขมันไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นไขมันก่อโรคชนิดหนึ่งในร่างกายเรา ระดับที่สูงจนต้องใช้ยาคือเกิน 200 mg/dl
9.. HDL-cholesterol เรียกสั้นๆว่าเอ็ช.ดี.แอล. เรียกอีกอย่างว่า “ไขมันดี” เพราะมันเป็นไขมันที่ดึงไขมันที่พอกหลอดเลือดออกไปจากหลอดเลือด ดังนั้นยิ่งมีเอ็ช.ดี.แอล.มากก็ยิ่งดี คนปกติควรมีเอ็ขดีแอล.เกิน 40 mg/dl ขึ้นไป
10.. LDL-cholesterol เรียกสั้นๆว่าแอลดีแอล. หรือเรียกอีกอย่างว่า “ไขมันเลว” เพราะมันเป็นตัวไขมันที่พอกอยู่ที่ผนังหลอดเลือดและเป็นไขมันก่อโรคโดยตรง การจะตัดสินว่าคนไข้คนไหนควรกินยาลดไขมันเมื่อไหร่ก็ตัดสินกันจากระดับแอลดีแอล.นี่แหละ โดยเทียบกับความเสี่ยงในการเป็นโรคที่แต่ละคนมีเป็นทุนอยู่แล้ว กล่าวคือถ้ามีความเสี่ยงต่ำ จะให้เริ่มทานยาลดไขมันเมื่อ LDL มากกว่า 160ถ้ามีความเสี่ยงปานกลาง จะให้เริ่มทานยาลดไขมันเมื่อ LDL มากกว่า 130ถ้ามีความเสี่ยงสูง หรือเป็นโรคหัวใจ หรือเบาหวาน หรืออัมพาตแล้ว จะให้เริ่มทานยาลดไขมันเมื่อ LDL มากกว่า 100
11. Total Cholesterol หมายถึงโคเลสเตอรอลรวมในร่างกาย เป็นค่ารวมของไขมันสามอย่าง กล่าวคือ โคเลสเตอรอลรวม = ไขมันดี (HDL) + ไขมันเลว (LDL) + หนึ่งในห้าของไขมันไตรกลีเซอไรด์ สมัยก่อนเราใช้ค่าโคเลสเตอรอลรวมตัวนี้ตัวเดียวในการประเมินไขมันในเลือด จึงได้กำหนดค่าปกติไว้ว่าถ้าสูงเกิน 240 mg/dl จึงจะถือว่าสูงและเริ่มใช้ยา แต่สมัยนี้เราไม่ค่อยจะดูค่าโคเลสเตอรอลรวมกันเท่าไหร่แล้ว เราดูเจาะลึกลงไปถึงไขมันแต่ละชนิด และตัดสินใจใช้หรือไม่ใช้ยาจากระดับไขมันเลว (LDL) โดยไม่สนใจโคเลสเตอรอลรวมแล้ว เพราะค่านี้มักชักนำให้เข้าใจผิด ยกตัวอย่างเช่นถ้าดูค่าโคเลสเตอรอลรวมได้ 214 ซึ่งก็แค่สูงเกินพอดีไปบ้างแต่ไม่สูงถึงกับต้องใช้ยา แต่ว่าจริงๆแล้วเป็นความเข้าใจผิด เพราะค่าโคเลสเตอรอลรวมดูต่ำอยู่ได้เพราะมีไขมันดี (HDL) ต่ำกว่าปกติ เลยพลอยทำให้ค่าโคเลสเตอรอลรวมต่ำไปด้วย ทั้งๆที่เป็นคนมีไขมันเลวอยู่ในระดับสูงถึงขั้นต้องใช้ยาแล้ว
12.. AST(SGOT) = ย่อมาจาก aspartate transaminase หรือชื่อเก่าว่า serum glutamic oxaloacetic transaminase เป็นเอ็นไซม์ที่ปกติอยู่ในเซลของตับ ซึ่งจะไม่ออกมาในเลือด หากมีเอ็นไซม์ตัวนี้ออกมาในเลือดมากก็แสดงว่าเซลตับกำลังได้รับความเสียหาย เช่นอาจจะมีตับอักเสบจากการติดเชื้อหรือจากสารพิษ หรือแม้กระทั้งจากแอลกอฮอล์ และไขมันแทรกเนื้อตับ ค่าปกติของ AST คือไม่เกิน 40 IU/L
13.. ALT (SGPT) = ย่อมาจาก alamine amintransferase หรือชื่อเก่าว่า serum glutamic pyruvic transaminase เป็นเอ็นไซม์ที่ปกติอยู่ในเซลของตับเช่นเดียวกับ AST และจะออกมาในเลือดเมื่อเซลตับได้รับความเสียหายเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มีเนื้องอกอุดตันทางเดินน้ำดี ค่าปกติของ ALT คือไม่เกิน 34 IU/L
14.. Alkaline Phosphatase = เป็นเอ็นไซม์ที่อยู่ในเซลของตับ ทางเดินน้ำดี และของกระดูกเป็นส่วนใหญ่ ความหมายของเอ็นไซม์ตัวนี้หากมันสูงขึ้นคืออาจจะมีปัญหาที่ทางเดินน้ำดี ตับ หรือกระดูก ค่าปกติในผู้ชายผู้ใหญ่ไม่เกิน 128 U/L
15.. GTT = ย่อมาจาก gamma glytamyl transpeptidase เป็นเอ็นไซม์ในเซลตับและทางเดินน้ำดีเช่นเดียวกับ ALT มีความไวต่อความเสียหายของเซลตับมากกว่า แต่ขาดความจำเพาะเจาะจง หมายความว่าเมื่อ GTT สูงจะเกิดจากอะไรก็ได้ที่อาจจะไม่ใช่เรื่องของตับ เช่นอาจมีปัญหาที่ตับอ่อน ที่หัวใจ ที่ปอด หรือแม้กระทั่งเป็นเบาหวาน อ้วน หรือดื่มแอลกอฮอล์ ก็ทำให้ GTT สูงได้ สารตัวนี้จึงไม่มีประโยชน์ในการคัดกรองโรคเลย
16.. HBs Ag = ย่อมาจาก hepatitis B surface antigen แปลว่าตัวไวรัสตับอักเสบบี.ซึ่งตรวจจากโมเลกุลที่ผิวของมัน ถ้าตรวจได้ผลบวกก็แปลว่ามีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี.อยู่ในตัว หากตรวจได้ผลลบ ก็แปลว่าไม่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี.
17.. Anti HBs = ย่อมาจาก antibody to hepatitis B surface antigen แปลว่าภูมิต้านทานต่อไวรัสตับอักเสบบี. หากตรวจได้ผลบวกก็แปลว่าคุณมีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสบี.แล้ว ไม่ต้องไปแสวงหาการฉีดวัคซีน
คนไทยวัยGeneration X หรือเรียกสั้นๆว่า Gen X คือมีอายุประมาณสามสิบกว่าไปถึงห้าสิบ คนไทยรุ่นนี้เจาะเลือดมาดูเถอะครับ สิทธิการิยะท่านว่าจะไม่ได้ตายดี อุ๊บ..ขอโทษ ผมปากเสียอีกละ พูดใหม่ เจาะเลือดมาดูเถอะ โครงสร้างของสารเคมีในเลือดแตกต่างจากคนไทยรุ่นก่อนนั้นราวกับเป็นมนุษย์คนละพันธ์
มีงานวิจัยหลายรายการมากที่สนับสนุนคำพูดของผม รวมทั้งงานวิจัยของผมเองที่ศึกษาเคมีของเลือดคนสุขภาพดีอายุ 40+ จำนวนสามพันกว่าคนที่มาตรวจสุขภาพที่รพ.พญาไท 2 พบว่าเกินครึ่งมีไขมันในเลือดผิดปกติถึงระดับที่ต้องใช้ยา ประมาณหนึ่งในสามเป็นความดันเลือดสูง โดยที่ส่วนใหญ่ยังไม่รู้ตัว และหนึ่งในสามใกล้จะเป็นเบาหวาน และมีดัชนีมวลกายเฉลี่ยสูงเกินพอดี คือเป็นคนไทยรุ่นที่มีปัจจัยเสี่ยงที่จะเป็นโรคเรื้อรังอยู่เพียบ..บ..บ จนสามารถคาดเดาได้เลยว่าคนวัยนี้จะจบชีวิตด้วยการป่วยเป็นโรคเรื้อรังอันได้แก่โรคหลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง (อัมพาต) ความดันเลือดสูง โรคไต โรคเบาหวาน เป็นต้น จนผมอยากจะเปลี่ยนชื่อรุ่นจาก Gen X เป็น Gen Sick แทน เพราะว่ายังไม่ทันแก่ก็มีโรคแพลมออกมาให้เห็นเพียบแล้ว
เมื่อหลายเดือนก่อนมีหมอน้อยคนหนึ่งมาปรึกษาว่าจะไปฝึกอบรมทางด้านผ่าตัดหัวใจดีไหม อนาคตการทำมาหากินจะฝืดเคืองไหม ผมรีบตอบว่า “เอาเลยน้อง พี่ดูไขมันในเลือดของคนไข้วัยสี่สิบห้าสิบวันนี้แล้ว เอ็งจบแล้วจะมีงานทำล้นมือไปอีกอย่างน้อยยี่สิบปี”
คัดย่อจาก บทความเรื่องสอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด เมื่อ วันที่ 4 ตุลาคม 2555
เขียนเผยแพร่ใน บล็อค DrSant บทความสุขภาพ นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
โดย นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
วันนี้ผมจะรวบยอดสอนการแปลผลการตรวจเคมีในเลือดให้ฟัง ท่านที่ถามมาคล้ายกันแต่ว่าผมไม่ได้ตอบก็ขอให้เอาวิธีแปลผลที่คุยกันวันนี้ไปแปลผลการตรวจของท่านเอาเองก็แล้วกัน
1.. Blood chemistry แปลตรงๆว่าเคมีของเลือด หมายถึงระดับของสารต่างๆที่อยู่ในเลือดซึ่งก่อปฏิกิริยาเคมีได้ ซึ่งการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของสารเหล่านี้ บ่งบอกไปถึงว่าจะมีโรคอะไรเกิดขึ้นในร่างกายบ้าง
2.. FBS = ย่อมาจาก fasting blood sugar แปลว่าระดับน้ำตาลในเลือดหลังการอดอาหารมาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง เป็นการตรวจสถานะของโรคเบาหวานโดยตรง คือคนปกติค่านี้จะต่ำกว่า 100 mg/dL ถ้าของใครสูงเกิน 125 ก็ถือว่าเป็นเบาหวานแล้วอย่างบริบูรณ์
3.. HbA1C = ย่อมาจาก hemoglobin A1C แปลว่าระน้ำตาลสะสมเฉลี่ยสามเดือนในเม็ดเลือดแดง มีความหมายคล้ายๆกับค่า FBS คือโดยคำนิยามถ้าน้ำตาลสะสมเฉลี่ยของของใครสูงกว่า 6.5% ก็ถือว่าเป็นโรคเบาหวานไปแล้วอย่างบริบูรณ์ ค่า HbA1C นี้ดีกว่าค่า FBS ในสองประเด็น คือ3.1 ทำให้เราตรวจคัดกรองเบาหวานได้ทุกเมื่อ โดยไม่ต้องอดอาหารมาล่วงหน้า3.2 การที่มันสะท้อนค่าน้ำตาลในเลือดในช่วงเวลาสามเดือนย้อนหลัง จึงตัดปัญหาระดับน้ำตาลวูบวาบในช่วงหนึ่งวันก่อนการตรวจ คือคนไข้บางคนที่จะทำตัวดีเฉพาะสองสามวันก่อนไปหาหมอเพื่อให้น้ำตาลในเลือดดูดี พอคล้อยหลังหมอตรวจเสร็จก็ออกมาสั่งไอติมมากินเป็นกะละมังให้หายอยาก คนไข้แบบนี้การตรวจ HbA1C จะทำให้ทราบสถานะที่แท้จริงของเบาหวานดีกว่า
4.. BUN = ย่อมาจาก blood urea nitrogen แปลว่าไนโตรเจนในรูปของยูเรีย ตัวยูเรียนี้เป็นเศษของเหลือจากการเผาผลาญโปรตีนที่ตับ ซึ่งต้องถูกกำจัดทิ้งโดยไต การวัดระดับค่าของ BUN เป็นตัวบ่งบอกว่าเลือดไหลไปกรองที่ไตมากพอหรือไม่ ในภาวะที่เลือดไหลไป่กรองที่ไตน้อยลง เช่นในภาวะร่างกายขาดน้ำ หรือสูญเสียเลือดไปทางอื่นเช่นเลือดออกในทางเดินอาหาร หรือในภาวะช็อก ระดับของ BUN จะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ค่าปกติของ BUN คือ 8-24
5.. Cr = เขียนเต็มว่า Creatinine แปลว่าเศษเหลือจากการสลายตัวของกล้ามเนื้อ คือกล้ามเนื้อของคนเรานี้มันสลายตัวและสร้างใหม่อยู่ตลอดเวลา คนมีกล้ามมากก็สลายตัวมากสร้างมาก Cr ซึ่งเป็นเศษซากที่สลายตัวออกมาจะถูกไตขับทิ้งไป แต่ในกรณีที่ไตเสียการทำงาน เช่นเป็นโรคไตเรื้อรัง ไตจะขับ Cr ออกทิ้งไม่ทันกับที่กล้ามเนื้อสลายออกมา ทำให้ระดับ Cr ในเลือดสูงผิดปกติ ค่าปกติของมันคือ 0.7-1.2 mg/dL
6.. eGFR = เรียกสั้นๆว่า จีเอฟอาร์. ย่อมาจาก estimated glomerular filtration rate แปลว่าอัตราการไหลของเลือดผ่านตัวกรองของไตในหนึ่งนาที ค่านี้ได้จากการคำนวณเอาจาก Cr กับอายุ และชาติพันธุ์ของเจ้าตัว ห้องแล็บที่ยังไม่ทันสมัยจะไม่รายงานค่านี้ ถ้าเจ้าตัวอยากทราบค่านี้ต้องเอาค่า Cr ที่ได้ไปอาศัย GFR calculator ตามเว็บในเน็ทคำนวณให้ ค่าจีเอฟอาร์.นี้มีประโยชน์มากในแง่ที่ใช้แบ่งระดับความรุนแรงของคนที่ Cr ผิดปกติอย่างคุณนี้ว่ามีความรุนแรงเป็นโรคไตเรื้อรังระยะไหนของ 5 ระยะ กล่าวคือระยะที่ 1 ตรวจพบพยาธิสภาพที่ไตแล้ว แต่ไตยังทำงานปกติ (จีเอฟอาร์ 90 มล./นาที ขึ้นไป) ระยะที่ 2 ตรวจพบพยาธิสภาพที่ไตแล้ว และไตเริ่มทำงานผิดปกติเล็กน้อย (จีเอฟอาร์ 60-89 มล./นาที) ระยะที่ 3 ไตทำงานผิดปกติปานกลาง ไม่ว่าจะตรวจพบพยาธิสภาพที่ไตหรือไม่ก็ตาม (จีเอฟอาร์ 30-59 มล./นาที)ระยะที่ 4 ไตทำงานผิดปกติมาก (จีเอฟอาร์ 15-29 มล./นาที)ระยะที่ 5. ระยะสุดท้าย (จีเอฟอาร์ต่ำกว่า 15 หรือต้องล้างไต)
7.. Uric acid ก็คือกรดยูริกที่เป็นต้นเหตุของโรคเก้าท์นั่นแหละ ค่าปกติของกรดยูริกในเลือดคือ 3.4-7.0
8..Triglyceride คือไขมันไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นไขมันก่อโรคชนิดหนึ่งในร่างกายเรา ระดับที่สูงจนต้องใช้ยาคือเกิน 200 mg/dl
9.. HDL-cholesterol เรียกสั้นๆว่าเอ็ช.ดี.แอล. เรียกอีกอย่างว่า “ไขมันดี” เพราะมันเป็นไขมันที่ดึงไขมันที่พอกหลอดเลือดออกไปจากหลอดเลือด ดังนั้นยิ่งมีเอ็ช.ดี.แอล.มากก็ยิ่งดี คนปกติควรมีเอ็ขดีแอล.เกิน 40 mg/dl ขึ้นไป
10.. LDL-cholesterol เรียกสั้นๆว่าแอลดีแอล. หรือเรียกอีกอย่างว่า “ไขมันเลว” เพราะมันเป็นตัวไขมันที่พอกอยู่ที่ผนังหลอดเลือดและเป็นไขมันก่อโรคโดยตรง การจะตัดสินว่าคนไข้คนไหนควรกินยาลดไขมันเมื่อไหร่ก็ตัดสินกันจากระดับแอลดีแอล.นี่แหละ โดยเทียบกับความเสี่ยงในการเป็นโรคที่แต่ละคนมีเป็นทุนอยู่แล้ว กล่าวคือถ้ามีความเสี่ยงต่ำ จะให้เริ่มทานยาลดไขมันเมื่อ LDL มากกว่า 160ถ้ามีความเสี่ยงปานกลาง จะให้เริ่มทานยาลดไขมันเมื่อ LDL มากกว่า 130ถ้ามีความเสี่ยงสูง หรือเป็นโรคหัวใจ หรือเบาหวาน หรืออัมพาตแล้ว จะให้เริ่มทานยาลดไขมันเมื่อ LDL มากกว่า 100
11. Total Cholesterol หมายถึงโคเลสเตอรอลรวมในร่างกาย เป็นค่ารวมของไขมันสามอย่าง กล่าวคือ โคเลสเตอรอลรวม = ไขมันดี (HDL) + ไขมันเลว (LDL) + หนึ่งในห้าของไขมันไตรกลีเซอไรด์ สมัยก่อนเราใช้ค่าโคเลสเตอรอลรวมตัวนี้ตัวเดียวในการประเมินไขมันในเลือด จึงได้กำหนดค่าปกติไว้ว่าถ้าสูงเกิน 240 mg/dl จึงจะถือว่าสูงและเริ่มใช้ยา แต่สมัยนี้เราไม่ค่อยจะดูค่าโคเลสเตอรอลรวมกันเท่าไหร่แล้ว เราดูเจาะลึกลงไปถึงไขมันแต่ละชนิด และตัดสินใจใช้หรือไม่ใช้ยาจากระดับไขมันเลว (LDL) โดยไม่สนใจโคเลสเตอรอลรวมแล้ว เพราะค่านี้มักชักนำให้เข้าใจผิด ยกตัวอย่างเช่นถ้าดูค่าโคเลสเตอรอลรวมได้ 214 ซึ่งก็แค่สูงเกินพอดีไปบ้างแต่ไม่สูงถึงกับต้องใช้ยา แต่ว่าจริงๆแล้วเป็นความเข้าใจผิด เพราะค่าโคเลสเตอรอลรวมดูต่ำอยู่ได้เพราะมีไขมันดี (HDL) ต่ำกว่าปกติ เลยพลอยทำให้ค่าโคเลสเตอรอลรวมต่ำไปด้วย ทั้งๆที่เป็นคนมีไขมันเลวอยู่ในระดับสูงถึงขั้นต้องใช้ยาแล้ว
12.. AST(SGOT) = ย่อมาจาก aspartate transaminase หรือชื่อเก่าว่า serum glutamic oxaloacetic transaminase เป็นเอ็นไซม์ที่ปกติอยู่ในเซลของตับ ซึ่งจะไม่ออกมาในเลือด หากมีเอ็นไซม์ตัวนี้ออกมาในเลือดมากก็แสดงว่าเซลตับกำลังได้รับความเสียหาย เช่นอาจจะมีตับอักเสบจากการติดเชื้อหรือจากสารพิษ หรือแม้กระทั้งจากแอลกอฮอล์ และไขมันแทรกเนื้อตับ ค่าปกติของ AST คือไม่เกิน 40 IU/L
13.. ALT (SGPT) = ย่อมาจาก alamine amintransferase หรือชื่อเก่าว่า serum glutamic pyruvic transaminase เป็นเอ็นไซม์ที่ปกติอยู่ในเซลของตับเช่นเดียวกับ AST และจะออกมาในเลือดเมื่อเซลตับได้รับความเสียหายเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มีเนื้องอกอุดตันทางเดินน้ำดี ค่าปกติของ ALT คือไม่เกิน 34 IU/L
14.. Alkaline Phosphatase = เป็นเอ็นไซม์ที่อยู่ในเซลของตับ ทางเดินน้ำดี และของกระดูกเป็นส่วนใหญ่ ความหมายของเอ็นไซม์ตัวนี้หากมันสูงขึ้นคืออาจจะมีปัญหาที่ทางเดินน้ำดี ตับ หรือกระดูก ค่าปกติในผู้ชายผู้ใหญ่ไม่เกิน 128 U/L
15.. GTT = ย่อมาจาก gamma glytamyl transpeptidase เป็นเอ็นไซม์ในเซลตับและทางเดินน้ำดีเช่นเดียวกับ ALT มีความไวต่อความเสียหายของเซลตับมากกว่า แต่ขาดความจำเพาะเจาะจง หมายความว่าเมื่อ GTT สูงจะเกิดจากอะไรก็ได้ที่อาจจะไม่ใช่เรื่องของตับ เช่นอาจมีปัญหาที่ตับอ่อน ที่หัวใจ ที่ปอด หรือแม้กระทั่งเป็นเบาหวาน อ้วน หรือดื่มแอลกอฮอล์ ก็ทำให้ GTT สูงได้ สารตัวนี้จึงไม่มีประโยชน์ในการคัดกรองโรคเลย
16.. HBs Ag = ย่อมาจาก hepatitis B surface antigen แปลว่าตัวไวรัสตับอักเสบบี.ซึ่งตรวจจากโมเลกุลที่ผิวของมัน ถ้าตรวจได้ผลบวกก็แปลว่ามีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี.อยู่ในตัว หากตรวจได้ผลลบ ก็แปลว่าไม่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี.
17.. Anti HBs = ย่อมาจาก antibody to hepatitis B surface antigen แปลว่าภูมิต้านทานต่อไวรัสตับอักเสบบี. หากตรวจได้ผลบวกก็แปลว่าคุณมีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสบี.แล้ว ไม่ต้องไปแสวงหาการฉีดวัคซีน
คนไทยวัยGeneration X หรือเรียกสั้นๆว่า Gen X คือมีอายุประมาณสามสิบกว่าไปถึงห้าสิบ คนไทยรุ่นนี้เจาะเลือดมาดูเถอะครับ สิทธิการิยะท่านว่าจะไม่ได้ตายดี อุ๊บ..ขอโทษ ผมปากเสียอีกละ พูดใหม่ เจาะเลือดมาดูเถอะ โครงสร้างของสารเคมีในเลือดแตกต่างจากคนไทยรุ่นก่อนนั้นราวกับเป็นมนุษย์คนละพันธ์
มีงานวิจัยหลายรายการมากที่สนับสนุนคำพูดของผม รวมทั้งงานวิจัยของผมเองที่ศึกษาเคมีของเลือดคนสุขภาพดีอายุ 40+ จำนวนสามพันกว่าคนที่มาตรวจสุขภาพที่รพ.พญาไท 2 พบว่าเกินครึ่งมีไขมันในเลือดผิดปกติถึงระดับที่ต้องใช้ยา ประมาณหนึ่งในสามเป็นความดันเลือดสูง โดยที่ส่วนใหญ่ยังไม่รู้ตัว และหนึ่งในสามใกล้จะเป็นเบาหวาน และมีดัชนีมวลกายเฉลี่ยสูงเกินพอดี คือเป็นคนไทยรุ่นที่มีปัจจัยเสี่ยงที่จะเป็นโรคเรื้อรังอยู่เพียบ..บ..บ จนสามารถคาดเดาได้เลยว่าคนวัยนี้จะจบชีวิตด้วยการป่วยเป็นโรคเรื้อรังอันได้แก่โรคหลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง (อัมพาต) ความดันเลือดสูง โรคไต โรคเบาหวาน เป็นต้น จนผมอยากจะเปลี่ยนชื่อรุ่นจาก Gen X เป็น Gen Sick แทน เพราะว่ายังไม่ทันแก่ก็มีโรคแพลมออกมาให้เห็นเพียบแล้ว
เมื่อหลายเดือนก่อนมีหมอน้อยคนหนึ่งมาปรึกษาว่าจะไปฝึกอบรมทางด้านผ่าตัดหัวใจดีไหม อนาคตการทำมาหากินจะฝืดเคืองไหม ผมรีบตอบว่า “เอาเลยน้อง พี่ดูไขมันในเลือดของคนไข้วัยสี่สิบห้าสิบวันนี้แล้ว เอ็งจบแล้วจะมีงานทำล้นมือไปอีกอย่างน้อยยี่สิบปี”
คัดย่อจาก บทความเรื่องสอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด เมื่อ วันที่ 4 ตุลาคม 2555
เขียนเผยแพร่ใน บล็อค DrSant บทความสุขภาพ นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2559
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ระบบแจ้งเตือน LINE Notify โดยเอา token notify ใส่ใน description google calendar แล้วสั่งแจ้งเตือนแยกรายกิจกรรม แยกบุคคลได้ตาม token
ที่มา : script.google.com function getTodaysEvents () { // ดึง Calendar หลักของผู้ใช้ var calendar = CalendarApp . getCalendarBy...

-
หลายท่านที่เป็น admin คงเคยเจออาการการ login ซ้อนกันมานะคัรบที่จะมีข้อความแจ้งเตือนว่า simultaneous session limit reached for user กันมาบ้าง...
-
เปิดตัว Oppo N1 แอนดรอยด์โฟนพร้อมกล้องหมุนได้, จอ Full HD 5.9 นิ้ว, แบตฯ 3610mAh ฉีกมุมเล็กๆ อีกแล้วสำหรับ Oppo N1 เลือกถ่ายได้ทั้งแบบด้านห...