วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2559

สถิติประชากรและบ้าน

 สถิติประชากรและบ้าน - จำนวนประชากรแยกรายอายุ
http://stat.dopa.go.th/stat/statnew/upstat_age.php


 สถิติจำนวนประชากรและบ้าน ณ ฐานข้อมูลปัจจุบัน
http://stat.dopa.go.th/stat/statnew/upstat_m.php

วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เกษียณแล้วได้อะไรบ้าง



จากไลน์เพื่อนส่งมาครับ ... !!!

ใครรับราชการ
ให้บันทึกเก็บไว้นะครับ
มีประโยชน์มาก
เกษียณแล้วได้อะไรบ้าง
อันนี้ละเอียดดีครับ

1)- ไม่เป็นสมาชิก กบข.
ก): กรณีรับบำเหน็จ = เงินเดือนเดือนสุดท้าย x อายุราชการ(รวมอายุราชการทวีคูณ)
กรณีนี้จะได้รับเงินก้อนเดียว
สิทธิต่าง ๆ ระงับไป ยกเว้นการขอพระราชทานเพลิงศพ
ข): กรณีรับบำนาญ = เงินเดือนเดือนสุดท้าย x อายุราชการ (รวมอายุราชการทวีคูณ เกิน 6 เดือนนับเป็น 1 ปี) หาร 50
กรณีนี้จะได้รับเงินทุกเดือนจนกว่าจะเสียชีวิต และยังมีสิทธิได้รับ
1. ค่ารักษาพยาบาลของตนเอง คู่สมรสและบิดามารดา บุตรที่ไร้ความสามารถ ยกเว้นบุตรปกติที่อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์
2. ค่าเล่าเรียนบุตร เบิกได้ถึงอายุ 25 ปีบริบูรณ์
3. บำเหน็จดำรงชีพ = เงินบำนาญ x 15 เท่า
เมื่อเกษียณได้รับเลย 200,000.-฿
เมื่ออายุครบ 65 ปีขอรับได้อีก 400,000.-฿ รวม 2 ครั้งไม่เกิน 600,000.-฿ แต่ทั้งหมดนี้ไม่เกิน 15 เท่าของเงินบำนาญ
4. เงินช่วยพิเศษ (ถึงแก่กรรม) = เงินบำนาญ x 3 เท่า
มอบให้กับผู้ที่ผู้รับบำนาญแสดงเจตนาหรือทายาทตามกฎหมาย
5. เงินบำเหน็จตกทอด (ถึงแก่กรรม) = เงินบำนาญ x 30 เท่า เงินบำเหน็จดำรงชีพที่เบิกไปแล้ว
มอบให้กับทายาทตามกฎหมายหรือผู้ที่ผู้รับบำนาญแสดงเจตนา (กรณีที่ไม่มีทายาท)
และถ้าไม่มีผู้รับให้สิทธิบำเหน็จตกทอดเป็นอันยุติลง

2)- เป็นสมาชิก กบข.
ก): กรณีรับบำเหน็จ = เงินเดือนเดือนสุดท้าย (เศษเดือนเศษวันเป็นจุดทศนิยม x อายุราชการ (รวมอายุราชการทวีคูณ)
กรณีนี้จะได้รับเงินก้อนเดียว
สิทธิต่าง ๆ ระงับไป ยกเว้นการขอพระราชทานเพลิงศพ
ข): กรณีรับบำนาญ = เงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย x อายุราชการ (รวมอายุราชการทวีคูณ เป็นจุดทศนิยม) หารด้วย 50
แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกิน 70% ของเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือน
กรณีนี้จะได้รับเงินทุกเดือนจนกว่าจะเสียชีวิต และยังมีสิทธิได้รับสิทธิต่าง ๆ เหมือนกับบำนาญปกติ

สมาชิก กบข.แบบ ก.,ข. ยังได้รับเงิน
1. เงินสะสม + ผลประโยชน์
2. เงินประเดิม + ผลประโยชน์
3. เงินชดเชย + ผลประโยชน์
4. เงินสมทบ + ผลประโยชน์
ส่วนผู้ที่ลาออกจาก กบข.จะได้เงินสะสมของตนเองคืน

3)- เงินต่าง ๆ ที่สมัครเป็นสมาชิก
ก): เงินฌาปนกิจสงเคราะห์
ข): เงินผลประโยชน์จากหุ้นสหกรณ์
ค): เงินประกันชีวิตและเงินช่วยเหลือจากสหกรณ์
กรณีผู้รับบำนาญตายผู้ที่ได้รับคือผู้ที่ผู้รับบำนาญแสดงเจตนาหรือทายาทตามกฎหมาย

หมายเหตุ
ทายาทตามกฎหมายได้แก่
1. บุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ได้รับคนละ 1 ส่วน
2. สามีภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมาย ได้รับ 1 ส่วน
3. บิดามารดาหรือบิดาหรือมารดาที่มีชีวิตอยู่ ได้รับ 1 ส่วน

): ประกาศราชการทวีคูณ
ช่วงที่ 1 วันที่ 19 ก.ย.49 – 26 ม.ค.50 = 4 เดือน 11 วัน
ช่วงที่ 2 วันที่ 20 พ.ค.57 – 1 เม.ย.58 = 11 เดือน 7 วัน
รวม 2 ช่วง = 15 เดือน 18 วัน

วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

พออายุใกล้ 70 ข้าพเจ้าเรียนรู้สิ่ง 7 สิ่งในชีวิต



อ่านกันกี่ครั้งก็ยังเตือนใจใด้ดีอยู่
-นักเขียนอักษรพู่กันจีนชื่อดัง ได้บันทึกถึงความรู้สึกที่มีต่อชีวิต เมื่อผ่านเข้าใกล้วัย 70 ซึ่งมีสาระน่าศึกษาดังนี้
"พออายุใกล้ 70 ข้าพเจ้าเรียนรู้สิ่ง 7 สิ่งในชีวิต

1. ต้องอยู่ให้รอด - ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้วตก อยู่อีก 1 วัน... เหลือน้อยลง 1 วัน
สุขอีก 1 วัน... กำไร 1 วัน

2. ต้องอยู่ให้มีความสุข-
ตำแหน่งสูง มิสู้มีรายได้สูง..
รายได้สูง มิสู้อายุยืน..
อายุยืน มิสู้มีความสุข..
ขอให้มีความสุข เพราะความสุขคือเงินสด..
นอกนั้นแค่กระดาษเช็ค

3. ต้องเป็นของเราเอง-
หมายถึงไม่ใช่เป็นของคนอื่น หรือยืมของคนอื่นมาใช้..
..ตำแหน่งเป็นของชั่วคราว
..เกียรติยศเดี๋ยวก็ผ่านไป
..สุขภาพเท่านั้นที่เป็นของเรา

4. ไม่เหมือนกัน-ย่อมไม่เหมือนกัน
ความรักที่พ่อแม่ให้กับลูกไม่มีขีดจำกัด..
แต่ความรักของลูกต่อพ่อแม่มีขีดจำกัด..
..ลูกๆ ป่วย พ่อแม่กลุ้มใจ
..พ่อแม่ป่วย แค่ลูกๆ มาเยี่ยมมาถามไถ่ ก็พอใจแล้ว
..ลูกๆ ใช้เงินพ่อแม่ สมเหตุสมผล
..พ่อแม่จะใช้เงินลูกๆ ต้องมีเหตุมีผล
..บ้านพ่อแม่ก็คือบ้านลูกๆ
..บ้านลูกๆ ไม่ใช่บ้านของพ่อกับแม่
ไม่เหมือนกันก็คือไม่เหมือนกัน..
พ่อแม่ที่เข้าใจ จะถือเอาความกตัญญูกตเวทีของลูกๆ เป็นจิตอาสาและความสุข ไม่หวังการตอบแทน..
หากหวังการตอบแทน นั่นคือหาทุกข์ใส่ตัว

5. อย่าคาดหวังใคร-
ยามป่วยอย่าคาดหวังใคร แม้แต่ลูกๆ..
"ไม่มีลูกกตัญญูหน้าเตียงคนป่วยเรื้อรังหรอก"..
คาดหวังคู่ชีวิตหรือ เขาเองก็เอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว
ที่คาดหวังได้ คือเงินอย่างเดียว ใช้เงินรักษาตัว

6. ระลึกแต่ความหลัง -
อาจจำเป็น เพราะจำเรื่องราวได้น้อยลง ลืมมากขึ้น ฉะนั้นสุขภาพคือทรัพย์..จำไว้
..แข็งแรงเข้าไว้ หาความสุขเสมอ..

7. อย่ากลัวความตาย-
เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมชาติ ทุกคนเท่าเทียมกัน..
ต้องมีความพร้อมด้านจิตใจ พอยมบาลมาเรียก ก็พร้อมที่จะไปได้เลย ต้องไม่มีการอาลัยอาวรณ์..

ครบ 7 ข้อ
"ยามลำบาก มากอุปสรรค.. ต้องตั้งหลักให้มั่นคง
ยามได้ดี มียศสูงส่ง.. ต้องรู้ ปลง ปลดปล่อยวาง"..
ฉะนั้น อย่าท้อ เวลาผ่านไป เงื่อนไขเปลี่ยน สถานการณ์ก็มักผันแปร อาจดีขึ้นก็ได้..
เราไม่จำเป็นต้องรวยเพราะมีเงินมาก แต่เราอาจรวยความสุขได้เพราะการให้ :) I

วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในวันตรุษจีน

สิ่งที่ควรทำ8ประการวันตรุษจีน
  1. ไหว้เจ้าที่ ไหว้บรรพบุรุษ ไหว้ผีไม่มีญาติ
    คนจีนทุกบ้านจะต้องไหว้เจ้าในช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยเชื่อว่าการไหว้เจ้าที่ไหว้บรรพบุรุษ จะนำความสุขมาสู่ครอบครัวนั้น
  2. ทำพิธีรับไฉ่ซิ้งเอี๊ย(เทพเจ้าแห่งโชคลาภ)
  3. ประดับตุ๊ยเลี้ยง(คำกลอนปีใหม่)ในบ้าน
  4. กินเจมื้อแรกของวันตรุษจีน
  5. ใส่เสื้อผ้าใหม่ๆ สีสันสดใส
    ชาวจีนนิยมใส่เสื้อผ้าที่มีสีสันสดใส เช่น สีแดง สีทอง ซึ่งเป็นสีแห่งความสุข ความสิริมงคล
  6. รวมญาติกินเกี๊ยว
    วันซาจั๊บ คนในครอบครัวจะมาร่วมโต๊ะรับประทานเกี๊ยวด้วยกัน ซึ่งเกี๊ยวจะต้องพับเป็นก้อนให้เหมือนเงิน ซึ่งแทนความหมาย มั่งมีเงินทอง
  7. อวยพรปีใหม่ด้วยส้ม4ผล
  8. รับอั่งเป่า แต๊ะเอีย

สิ่งที่ไม่ควรทำ12ประการในวันตรุษจีน
  1. ห้ามทำความสะอาดบ้าน
    เพราะเป็นการกวาดเอาโชคลาภออกไปจากบ้าน
  2. ห้ามซักผ้าในวันตรุษจีน
    เทพเจ้าแห่งน้ำเกิดในวันตรุษจีน การซักผ้าจึงเหมือนเป็นการลบหลู่ท่าน
  3. ห้ามสระผมหรือตัดผม
    เพราะเหมือนเป็นการเอาความมั่งคั่งออกไป
  4. ห้ามร้องไห้
    เพราะจะทำให้พบกับเรื่องไม่ดีและเสียใจไปตลอดปี
  5. ห้ามซื้อรองเท้าใหม่
    เพราะรองเท้าในภาษาจีนออกเสียงว่าHai คล้ายกับถอนหายใจ ถือเป็นสัญญาณไม่ดี
  6. ห้ามกินโจ๊กและเนื้อสัตว์
    การกินโจ๊กในตอนเช้าของวันตรุษจีนเหมือนกับขัดขวางไม่ให้ตัวเองร่ำรวย
  7. ห้ามพูดคำหยาบและทะเลาะเบาะแว้ง
    การพูดสิ่งไม่ดีจะนำความโชคร้ายมาให้ตลอดทั้งปี
  8. ห้ามเข้าไปในห้องนอนของคนอื่น
    เพราะถือว่าเป็นโชคร้าย
  9. ห้ามใส่ชุดขาวดำ
    เพราะการสวมเสื้อสีขาวดำหมายถึงลางร้าย คนจีนจึงสวมใส่เสื้อผ้าสีแดง เพราะสีแดงจะนำความโชคดีมาให้
  10. ห้ามทำของแตก ลางร้ายครอบครัวจะมีคนแตกแยกหรือเสียชีวิต
  11. ห้ามใช้ของมีคม
    เพราะจะเป็นการตัดโชคดีออกไป
  12. ห้ามให้ยืมเงิน
    เพราะจะทำให้มีแต่คนมาหยิบยืมตลอด และหากติดเงินใคร ผู้นั้นจะมีหนี้สินไปตลอดปี

วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2559

อ่านผลตรวจเลือดด้วยตนเอง

อ่านผลตรวจเลือดด้วยตนเอง
โดย นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

วันนี้ผมจะรวบยอดสอนการแปลผลการตรวจเคมีในเลือดให้ฟัง ท่านที่ถามมาคล้ายกันแต่ว่าผมไม่ได้ตอบก็ขอให้เอาวิธีแปลผลที่คุยกันวันนี้ไปแปลผลการตรวจของท่านเอาเองก็แล้วกัน

1.. Blood chemistry แปลตรงๆว่าเคมีของเลือด หมายถึงระดับของสารต่างๆที่อยู่ในเลือดซึ่งก่อปฏิกิริยาเคมีได้ ซึ่งการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของสารเหล่านี้ บ่งบอกไปถึงว่าจะมีโรคอะไรเกิดขึ้นในร่างกายบ้าง

 2.. FBS = ย่อมาจาก fasting blood sugar แปลว่าระดับน้ำตาลในเลือดหลังการอดอาหารมาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง เป็นการตรวจสถานะของโรคเบาหวานโดยตรง คือคนปกติค่านี้จะต่ำกว่า 100 mg/dL ถ้าของใครสูงเกิน 125 ก็ถือว่าเป็นเบาหวานแล้วอย่างบริบูรณ์

3.. HbA1C = ย่อมาจาก hemoglobin A1C แปลว่าระน้ำตาลสะสมเฉลี่ยสามเดือนในเม็ดเลือดแดง มีความหมายคล้ายๆกับค่า FBS คือโดยคำนิยามถ้าน้ำตาลสะสมเฉลี่ยของของใครสูงกว่า 6.5% ก็ถือว่าเป็นโรคเบาหวานไปแล้วอย่างบริบูรณ์ ค่า HbA1C นี้ดีกว่าค่า FBS ในสองประเด็น คือ3.1 ทำให้เราตรวจคัดกรองเบาหวานได้ทุกเมื่อ โดยไม่ต้องอดอาหารมาล่วงหน้า3.2 การที่มันสะท้อนค่าน้ำตาลในเลือดในช่วงเวลาสามเดือนย้อนหลัง จึงตัดปัญหาระดับน้ำตาลวูบวาบในช่วงหนึ่งวันก่อนการตรวจ คือคนไข้บางคนที่จะทำตัวดีเฉพาะสองสามวันก่อนไปหาหมอเพื่อให้น้ำตาลในเลือดดูดี พอคล้อยหลังหมอตรวจเสร็จก็ออกมาสั่งไอติมมากินเป็นกะละมังให้หายอยาก คนไข้แบบนี้การตรวจ HbA1C จะทำให้ทราบสถานะที่แท้จริงของเบาหวานดีกว่า

4.. BUN =  ย่อมาจาก blood urea nitrogen แปลว่าไนโตรเจนในรูปของยูเรีย  ตัวยูเรียนี้เป็นเศษของเหลือจากการเผาผลาญโปรตีนที่ตับ ซึ่งต้องถูกกำจัดทิ้งโดยไต การวัดระดับค่าของ BUN เป็นตัวบ่งบอกว่าเลือดไหลไปกรองที่ไตมากพอหรือไม่ ในภาวะที่เลือดไหลไป่กรองที่ไตน้อยลง เช่นในภาวะร่างกายขาดน้ำ หรือสูญเสียเลือดไปทางอื่นเช่นเลือดออกในทางเดินอาหาร หรือในภาวะช็อก ระดับของ BUN จะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ค่าปกติของ BUN คือ 8-24

5.. Cr = เขียนเต็มว่า Creatinine แปลว่าเศษเหลือจากการสลายตัวของกล้ามเนื้อ คือกล้ามเนื้อของคนเรานี้มันสลายตัวและสร้างใหม่อยู่ตลอดเวลา คนมีกล้ามมากก็สลายตัวมากสร้างมาก Cr ซึ่งเป็นเศษซากที่สลายตัวออกมาจะถูกไตขับทิ้งไป แต่ในกรณีที่ไตเสียการทำงาน เช่นเป็นโรคไตเรื้อรัง ไตจะขับ Cr ออกทิ้งไม่ทันกับที่กล้ามเนื้อสลายออกมา ทำให้ระดับ Cr ในเลือดสูงผิดปกติ ค่าปกติของมันคือ 0.7-1.2 mg/dL

6.. eGFR = เรียกสั้นๆว่า จีเอฟอาร์. ย่อมาจาก estimated glomerular filtration rate แปลว่าอัตราการไหลของเลือดผ่านตัวกรองของไตในหนึ่งนาที ค่านี้ได้จากการคำนวณเอาจาก Cr กับอายุ และชาติพันธุ์ของเจ้าตัว ห้องแล็บที่ยังไม่ทันสมัยจะไม่รายงานค่านี้ ถ้าเจ้าตัวอยากทราบค่านี้ต้องเอาค่า Cr ที่ได้ไปอาศัย GFR calculator ตามเว็บในเน็ทคำนวณให้ ค่าจีเอฟอาร์.นี้มีประโยชน์มากในแง่ที่ใช้แบ่งระดับความรุนแรงของคนที่ Cr ผิดปกติอย่างคุณนี้ว่ามีความรุนแรงเป็นโรคไตเรื้อรังระยะไหนของ 5 ระยะ กล่าวคือระยะที่ 1 ตรวจพบพยาธิสภาพที่ไตแล้ว แต่ไตยังทำงานปกติ (จีเอฟอาร์ 90 มล./นาที ขึ้นไป) ระยะที่ 2 ตรวจพบพยาธิสภาพที่ไตแล้ว และไตเริ่มทำงานผิดปกติเล็กน้อย (จีเอฟอาร์ 60-89 มล./นาที) ระยะที่ 3 ไตทำงานผิดปกติปานกลาง ไม่ว่าจะตรวจพบพยาธิสภาพที่ไตหรือไม่ก็ตาม (จีเอฟอาร์ 30-59 มล./นาที)ระยะที่ 4 ไตทำงานผิดปกติมาก (จีเอฟอาร์ 15-29 มล./นาที)ระยะที่ 5. ระยะสุดท้าย (จีเอฟอาร์ต่ำกว่า 15 หรือต้องล้างไต)  

 7.. Uric acid ก็คือกรดยูริกที่เป็นต้นเหตุของโรคเก้าท์นั่นแหละ ค่าปกติของกรดยูริกในเลือดคือ 3.4-7.0

8..Triglyceride คือไขมันไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นไขมันก่อโรคชนิดหนึ่งในร่างกายเรา ระดับที่สูงจนต้องใช้ยาคือเกิน 200 mg/dl

9.. HDL-cholesterol เรียกสั้นๆว่าเอ็ช.ดี.แอล. เรียกอีกอย่างว่า “ไขมันดี” เพราะมันเป็นไขมันที่ดึงไขมันที่พอกหลอดเลือดออกไปจากหลอดเลือด ดังนั้นยิ่งมีเอ็ช.ดี.แอล.มากก็ยิ่งดี คนปกติควรมีเอ็ขดีแอล.เกิน 40 mg/dl ขึ้นไป

10.. LDL-cholesterol เรียกสั้นๆว่าแอลดีแอล. หรือเรียกอีกอย่างว่า “ไขมันเลว” เพราะมันเป็นตัวไขมันที่พอกอยู่ที่ผนังหลอดเลือดและเป็นไขมันก่อโรคโดยตรง การจะตัดสินว่าคนไข้คนไหนควรกินยาลดไขมันเมื่อไหร่ก็ตัดสินกันจากระดับแอลดีแอล.นี่แหละ โดยเทียบกับความเสี่ยงในการเป็นโรคที่แต่ละคนมีเป็นทุนอยู่แล้ว  กล่าวคือถ้ามีความเสี่ยงต่ำ จะให้เริ่มทานยาลดไขมันเมื่อ LDL มากกว่า 160ถ้ามีความเสี่ยงปานกลาง จะให้เริ่มทานยาลดไขมันเมื่อ LDL มากกว่า 130ถ้ามีความเสี่ยงสูง หรือเป็นโรคหัวใจ หรือเบาหวาน หรืออัมพาตแล้ว จะให้เริ่มทานยาลดไขมันเมื่อ LDL มากกว่า 100 

11. Total Cholesterol หมายถึงโคเลสเตอรอลรวมในร่างกาย เป็นค่ารวมของไขมันสามอย่าง กล่าวคือ    โคเลสเตอรอลรวม = ไขมันดี (HDL) + ไขมันเลว (LDL) + หนึ่งในห้าของไขมันไตรกลีเซอไรด์      สมัยก่อนเราใช้ค่าโคเลสเตอรอลรวมตัวนี้ตัวเดียวในการประเมินไขมันในเลือด จึงได้กำหนดค่าปกติไว้ว่าถ้าสูงเกิน 240 mg/dl จึงจะถือว่าสูงและเริ่มใช้ยา แต่สมัยนี้เราไม่ค่อยจะดูค่าโคเลสเตอรอลรวมกันเท่าไหร่แล้ว เราดูเจาะลึกลงไปถึงไขมันแต่ละชนิด และตัดสินใจใช้หรือไม่ใช้ยาจากระดับไขมันเลว (LDL) โดยไม่สนใจโคเลสเตอรอลรวมแล้ว เพราะค่านี้มักชักนำให้เข้าใจผิด ยกตัวอย่างเช่นถ้าดูค่าโคเลสเตอรอลรวมได้ 214 ซึ่งก็แค่สูงเกินพอดีไปบ้างแต่ไม่สูงถึงกับต้องใช้ยา แต่ว่าจริงๆแล้วเป็นความเข้าใจผิด เพราะค่าโคเลสเตอรอลรวมดูต่ำอยู่ได้เพราะมีไขมันดี (HDL) ต่ำกว่าปกติ เลยพลอยทำให้ค่าโคเลสเตอรอลรวมต่ำไปด้วย ทั้งๆที่เป็นคนมีไขมันเลวอยู่ในระดับสูงถึงขั้นต้องใช้ยาแล้ว

12.. AST(SGOT) = ย่อมาจาก aspartate transaminase หรือชื่อเก่าว่า serum glutamic oxaloacetic transaminase เป็นเอ็นไซม์ที่ปกติอยู่ในเซลของตับ ซึ่งจะไม่ออกมาในเลือด หากมีเอ็นไซม์ตัวนี้ออกมาในเลือดมากก็แสดงว่าเซลตับกำลังได้รับความเสียหาย เช่นอาจจะมีตับอักเสบจากการติดเชื้อหรือจากสารพิษ หรือแม้กระทั้งจากแอลกอฮอล์ และไขมันแทรกเนื้อตับ ค่าปกติของ AST คือไม่เกิน 40 IU/L

13.. ALT (SGPT) = ย่อมาจาก alamine amintransferase หรือชื่อเก่าว่า serum glutamic pyruvic transaminase เป็นเอ็นไซม์ที่ปกติอยู่ในเซลของตับเช่นเดียวกับ AST และจะออกมาในเลือดเมื่อเซลตับได้รับความเสียหายเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มีเนื้องอกอุดตันทางเดินน้ำดี ค่าปกติของ ALT คือไม่เกิน 34 IU/L

14.. Alkaline Phosphatase = เป็นเอ็นไซม์ที่อยู่ในเซลของตับ ทางเดินน้ำดี และของกระดูกเป็นส่วนใหญ่ ความหมายของเอ็นไซม์ตัวนี้หากมันสูงขึ้นคืออาจจะมีปัญหาที่ทางเดินน้ำดี ตับ หรือกระดูก ค่าปกติในผู้ชายผู้ใหญ่ไม่เกิน 128 U/L

15.. GTT = ย่อมาจาก gamma glytamyl transpeptidase เป็นเอ็นไซม์ในเซลตับและทางเดินน้ำดีเช่นเดียวกับ ALT มีความไวต่อความเสียหายของเซลตับมากกว่า แต่ขาดความจำเพาะเจาะจง หมายความว่าเมื่อ GTT สูงจะเกิดจากอะไรก็ได้ที่อาจจะไม่ใช่เรื่องของตับ เช่นอาจมีปัญหาที่ตับอ่อน ที่หัวใจ ที่ปอด หรือแม้กระทั่งเป็นเบาหวาน อ้วน หรือดื่มแอลกอฮอล์ ก็ทำให้ GTT สูงได้ สารตัวนี้จึงไม่มีประโยชน์ในการคัดกรองโรคเลย

16.. HBs Ag = ย่อมาจาก hepatitis B surface antigen แปลว่าตัวไวรัสตับอักเสบบี.ซึ่งตรวจจากโมเลกุลที่ผิวของมัน ถ้าตรวจได้ผลบวกก็แปลว่ามีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี.อยู่ในตัว หากตรวจได้ผลลบ ก็แปลว่าไม่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี.

17.. Anti HBs = ย่อมาจาก antibody to hepatitis B surface antigen แปลว่าภูมิต้านทานต่อไวรัสตับอักเสบบี. หากตรวจได้ผลบวกก็แปลว่าคุณมีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสบี.แล้ว ไม่ต้องไปแสวงหาการฉีดวัคซีน

คนไทยวัยGeneration X หรือเรียกสั้นๆว่า Gen X คือมีอายุประมาณสามสิบกว่าไปถึงห้าสิบ คนไทยรุ่นนี้เจาะเลือดมาดูเถอะครับ สิทธิการิยะท่านว่าจะไม่ได้ตายดี อุ๊บ..ขอโทษ ผมปากเสียอีกละ พูดใหม่ เจาะเลือดมาดูเถอะ โครงสร้างของสารเคมีในเลือดแตกต่างจากคนไทยรุ่นก่อนนั้นราวกับเป็นมนุษย์คนละพันธ์

มีงานวิจัยหลายรายการมากที่สนับสนุนคำพูดของผม รวมทั้งงานวิจัยของผมเองที่ศึกษาเคมีของเลือดคนสุขภาพดีอายุ 40+ จำนวนสามพันกว่าคนที่มาตรวจสุขภาพที่รพ.พญาไท 2 พบว่าเกินครึ่งมีไขมันในเลือดผิดปกติถึงระดับที่ต้องใช้ยา ประมาณหนึ่งในสามเป็นความดันเลือดสูง โดยที่ส่วนใหญ่ยังไม่รู้ตัว และหนึ่งในสามใกล้จะเป็นเบาหวาน และมีดัชนีมวลกายเฉลี่ยสูงเกินพอดี คือเป็นคนไทยรุ่นที่มีปัจจัยเสี่ยงที่จะเป็นโรคเรื้อรังอยู่เพียบ..บ..บ จนสามารถคาดเดาได้เลยว่าคนวัยนี้จะจบชีวิตด้วยการป่วยเป็นโรคเรื้อรังอันได้แก่โรคหลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง (อัมพาต) ความดันเลือดสูง โรคไต โรคเบาหวาน เป็นต้น จนผมอยากจะเปลี่ยนชื่อรุ่นจาก Gen X เป็น Gen Sick แทน เพราะว่ายังไม่ทันแก่ก็มีโรคแพลมออกมาให้เห็นเพียบแล้ว

เมื่อหลายเดือนก่อนมีหมอน้อยคนหนึ่งมาปรึกษาว่าจะไปฝึกอบรมทางด้านผ่าตัดหัวใจดีไหม อนาคตการทำมาหากินจะฝืดเคืองไหม ผมรีบตอบว่า     “เอาเลยน้อง พี่ดูไขมันในเลือดของคนไข้วัยสี่สิบห้าสิบวันนี้แล้ว เอ็งจบแล้วจะมีงานทำล้นมือไปอีกอย่างน้อยยี่สิบปี”

คัดย่อจาก บทความเรื่องสอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด  เมื่อ วันที่ 4 ตุลาคม 2555

เขียนเผยแพร่ใน  บล็อค DrSant บทความสุขภาพ นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

ระบบแจ้งเตือน LINE Notify โดยเอา token notify ใส่ใน description google calendar แล้วสั่งแจ้งเตือนแยกรายกิจกรรม แยกบุคคลได้ตาม token

    ที่มา :  script.google.com function getTodaysEvents () {   // ดึง Calendar หลักของผู้ใช้   var calendar = CalendarApp . getCalendarBy...