ในอังกฤษนี่ มีสถานที่หลายแห่งที่ว่ากันว่ามีคนเคยเห็นวิญญาณของคนที่ตายไปแล้วมาหลอกหลอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามโบราณสถานสำคัญ ๆ เช่นป้อม วัง หรือหอคอยโบราณ Tower of London หรือ หอคอยแห่งลอนดอน เป็นอีกที่หนึ่งที่ร่ำลือกันว่า "ผีดุ"
หอคอยแห่งลอนดอนเคยเป็นทั้งวัง ป้อมปราการ คุกและลานประหาร |
ผีที่ร่ำลือกันและมีคนกล่าวอ้างว่ามาปรากฎร่างให้เห็น ว่ากันว่าเป็นวิญญาณของเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ที่ต้องมาจบชีวิตในป้อมแห่งนี้ ส่วนใหญ่จากไปแบบ "ตายโหง"
ความที่ใช้เป็นที่คุมขังนักโทษและลานประหารนี่เอง ทำให้หอคอยแห่งลอนดอนมีประวัติที่ชวนให้ขนลุกและน่าสยดสยองพ่วงเข้าไปด้วย
ตึกหลังหนึ่งในหอคอยแห่งลอนดอนซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญกันมากคือ Bloody Tower หรือ หอคอยเลือด
เจ้าชายน้อย
Bloody Tower เคยใช้เป็นที่ประทับและคุมขังเจ้าชายสองพระองค์ คือพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ห้า วัย 12 พรรษา กับ เจ้าชายริชาร์ด ดยุกออฟยอร์ก พระอนุชาวัย 9 พรรษา
กล่าวกันว่าพระเจ้าริชาร์ดที่สามทรงสั่งสังหารพระภาติยะทั้งสองเพื่อจะได้ขึ้นครองราชย์ |
ห้องที่ว่ากันว่าเจ้าชายทั้งสองพระองค์ทรงใช้บรรทมก่อนถูก "อุ้ม" หายไปอยู่บนชั้นสองของ Bloody Tower บันไดหินที่พาวนขึ้นไปค่อนข้างแคบ ตัวห้องซึ่งอยู่พ้นบันไดไปมีขนาด 4 คูณ 5 เมตร มีผนังสีขาว
ฟิล วิลสัน เจ้าหน้าที่ประจำหอคอยแห่งลอนดอนซึ่งพักอยู่ในบริเวณหอคอยด้วยเล่าว่าทำไมคนถึงเชื่อว่าวิญญาณเจ้าชายทั้งสองยังวนเวียนอยู่ในหอคอยเลือดแห่งนี้
"ที่ Bloody tower มีคนเคยเห็นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ห้ากับเจ้าชายริชาร์ด พระอนุชาเป็นบางครั้งบางครา ทั้งสองพระองค์ทรงชุดบรรทมสีขาว จับพระหัตถ์กัน ทรงยืนนิ่ง ๆ จากนั้นก็ค่อย ๆ เลือนหายเข้าไปในผนังห้อง บ้างก็มีรายงานว่าเห็นเด็กผู้ชายสองคนวัยไล่เลี่ยกัน เล่นตามประสาเด็กตามที่ต่าง ๆ ภายในหอคอย ว่ากันว่าริชาร์ด ดยุค ออฟ กลอสเตอร์ พระปิตุลาทรงสั่งฆ่าเจ้าชายทั้งสองเพื่อจะได้ขึ้นครองราชย์แทน"
ตามประวัติ หลังจากที่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่สี่ พระราชบิดาของเจ้าชายทั้งสองเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2026 ริชาร์ด ดยุกออฟกลอสเตอร์ที่เป็นพระปิตุลา ทรงขึ้นทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินและได้พาเจ้าชายน้อยทั้งสองไปประทับที่หอคอยแห่งลอนดอน
เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดทรงเตรียมเข้าพิธีราชาภิเษกเป็นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ห้า แต่ท้ายที่สุด คนที่ได้นั่งบัลลังก์กลับเป็นพระปิตุลาซึ่งขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าริชาร์ดที่สาม
ตอนนั้น เจ้าชายทั้งสองยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ แต่จากนั้นก็หายไปอย่างเป็นปริศนา
ห้องชั้นสองใน Bloody Tower ที่ว่ากันว่าเป็นห้องเกิดเหตุ มีวิดิทัศน์สั้น ๆ จากภาพยนตร์ของเซอร์ลอว์เรนส์ โอลิเวียร์ ที่สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2498 เกี่ยวกับการหายไปของเจ้าชายทั้งสอง
ในหนังดังกล่าว พระปิตุลาของเจ้าชายทรงสั่งให้มหาดเล็กคนสนิทเอาหมอนปิดปากปิดจมูกเจ้าชายทั้งสองขณะกำลังบรรทม
เมื่อปี พ.ศ. 2217 ช่างซึ่งกำลังทุบบันไดหินทางใต้ของ White Tower หรือ หอคอยขาวในหอคอยแห่งลอนดอน พบหัวกระโหลกเด็กสองหัว
ตอนนั้นคนเชื่อว่าเป็นกระโหลกของเจ้าชายทั้งสองและพระเจ้าชาร์ลส์ที่สองที่ครองราชย์อยู่ ทรงสั่งให้นำกระดูกไปผังที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์
แต่จนถึงทุกวันนี้ก็พิสูจน์ได้เพียงแต่ว่ากระโหลกนั้นเป็นของเด็กอายุราว 10 ขวบ
พระนางแอน โบลีนเป็นพระราชินีองค์แรกของอังกฤษที่ทรงถูกประหารชีวิต |
วิญญาณที่เล่าขานกันว่ามาปรากฎให้เห็นบ่อย ๆ ที่หอคอยแห่งลอนดอนคือวิญญาณของพระนางแอน โบลิน มเหสีองค์ที่ 2 ในพระเจ้าเฮนรี่ที่แปด ซึ่งถูกบั่นพระเศียรเมื่อปี พ.ศ. 2079 โดยบางครั้งมาแบบผีหัวขาดด้วย
ฟิล วิลสัน เจ้าหน้าที่ประจำหอคอยแห่งลอนดอนเล่าว่า
"มีคนเจอพระนางแอน โบลินหลายที่ครับ ทั้งที่ Tower Green ในควีนส์เฮาส์ ซึ่งว่ากันว่าเป็นสถานที่พระนางประทับก่อนถูกประหาร พระนางต้องโทษประหารฐานนอกพระทัยพระเจ้าเฮนรี่ แต่พระนางทรงร้องขอพระสวามี ไม่ให้ใช้ขวานตามธรรมเนียมอังกฤษเพราะทรงหวาดกลัวมาก ทรงขอให้ใช้ดาบตามธรรมเนียมฝรั่งเศส พระเจ้าเฮนรี่ทรงทำตามพระประสงค์สุดท้ายของพระราชินี ทรงจ่ายพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์นำเพชฌฆาตมาจากเมืองคาเล่ส์ในฝรั่งเศส ว่ากันว่าเพชฌฆาตคนนี้ฝีมือแม่นมาก ฟันฉับเดียว พระเศียรหลุดทันที แต่พอเพชฌฆาตยกพระเศียรขึ้นชู พระเนตรของพระนางยังลืมอยู่และพระโอษฐ์ก็ขมุบขมิบ ผู้คนที่ไปดูการประหารเชื่อว่าพระนางทรงสาบแช่ง"
ในอังกฤษ ดูเหมือนจะมีพระนางแอน โบลินเพียงพระองค์เดียวที่ถูกประหารชีวิตด้วยใช้ดาบบั่นพระเศียร นอกนั้นใช้ขวานตามธรรมเนียม
" นักท่องเที่ยวคนนั้นก็ยังคะยั้นคะยอ แถมอธิบายเพิ่มว่าผู้หญิงที่ยืนข้างหลังนั้นรูปร่างไม่สูงเท่าไหร่ ใส่ชุดดำและยืนอยู่ตรงหลุมฝังศพพระนางแอน โบลิน
ฟิล วิลสัน เจ้าหน้าที่ประจำหอคอยแห่งลอนดอนถ่ายทอดประสบการณ์ของไกด์นำเที่ยวคนหนึ่ง "
จุดประหารมีชื่อว่า ทาวเวอร์กรีน
เป็นสนามหญ้าอยู่ในเขตหอคอยแห่งลอนดอน
ทุกวันนี้ทางหอคอยปรับพื้นที่ให้เห็นชัดเจนขึ้น
ทำเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสเล็ก ๆ มีรั้วกั้นเป็นสัดส่วน
ตั้งตรงหน้าโบสถ์หลวง เซนต์ปีเตอร์ แอด วินชูล่า (St Peter ad Vincula)
พอดี
บริเวณตรงนี้ยังเป็นที่ประหารเจ้านายชั้น
ผู้ใหญ่อีกหลายคนรวมถึงพระนางแคทเธอรีน ฮาวเวิร์ด มเหสีองค์ที่ 5
ในพระเจ้าเฮนรี่ที่แปดด้วย แต่ที่เฮี้ยนที่สุดคือวิญญาณของพระนางแอน โบลีน
ฟิล วิลสัน เล่าให้ฟังเพิ่มจากประสบการณ์ของไกด์คนหนึ่งว่า
"มี
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพานักท่องเที่ยวเข้าชมโบสถ์หลวงเซนต์ปีเตอร์ แอด
วินชูล่า พอบรรยายให้นักท่องเที่ยวฟังเสร็จก็ออกมาจากโบสถ์
มีนักท่องเที่ยวคนหนึ่งถามขึ้นมาว่าตอนที่อยู่ในโบสถ์
ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างหลังเป็นใคร
ไกด์ก็ตอบกลับไปว่าไม่มีใครยืนอยู่ข้างหลังผมหรอก
แต่นักท่องเที่ยวคนนั้นก็ยังคะยั้นคะยอ
แถมอธิบายเพิ่มว่าผู้หญิงที่ยืนข้างหลังนั้นรูปร่างไม่สูงเท่าไหร่
ใส่ชุดดำและยืนอยู่ตรงหลุมฝังศพพระนางแอน โบลิน"
เลดี้เจน เกรย์ ทรงเป็นราชินีอังกฤษนาน 9 วันในปี พ.ศ. 2096 พระนางแมรี่ทิวดอร์ทรงเป็นผู้สั่งประหาร |
อีกคนที่ถูกบั่นคอในต่างกรรมต่างวาระ แต่ตรงที่เดียวกับพระนางแอนโบลินคือเลดี้เจน เกรย์
มี
คนเห็นเลดี้เจน เกรย์ ครั้งล่าสุดเมื่อปี พ.ศ. 2500 เนื่องในโอกาสครบรอบ
403 ปีที่พระนางถูกบั่นพระเศียรคอ
ยามสองคนเล่าว่าเห็นร่างในชุดสีขาวที่ชั้นใต้ดินของหอคอย
การประหารที่น่าสยดสยองมากครั้งหนึ่งคือการบั่นคอ มาการ์เร็ต โพล เคาน์เตสแห่งซอลส์เบอรี่ ฐานเป็นกบฎต่อแผ่นดิน
นาง
ไม่ยอมคุกเข่าเอาหัววางลงที่แท่นประหารเพื่อให้เพชฌฆาตบั่นคอและพยายามจะหนี
ด้านเพชฌฆาตก็เป็นมือใหม่ ต้องพยายามใช้ขวานตัดคอนางให้ขาด
ว่ากันว่าวันดีคืนดีโดยเฉพาะในวาระครบรอบวันที่นางถูกบั่นคน ก็มักมีคนได้ยินเสียงผู้หญิงแผดร้องและเสียงวิ่งหนีดังอยู่ในบริเวณหอคอย
ยอดเฮี้ยน
บริเวณที่ว่ากันว่ามีวิญญาณมาหลอกหลอนให้เห็นบ่อยที่สุดคือ Salt Tower ซึ่งในสมัยราชวงศ์ทิวดอร์ใช้เป็นที่คุมขังนักบวชคณะเยซูอิต
บริเวนชั้นบนของหอคอยจะเห็นร่องรอยที่นักโทษขีดเขียนตามผนังกำแพงด้วย
"ใน
บรรดาหอคอยทั้งหมดของหอคอยแห่งลอนดอน ว่ากันว่า Salt Tower
เป็นหอคอยที่เฮี้ยนที่สุดครับ
มียามคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่าเขาพยายามจะขึ้นไปชั้นบนของหอคอย แต่ขึ้นไปไม่ได้
เหมือนกับว่ามีกำแพงมากั้น แต่ที่แปลกคือมองไม่เห็นกำแพง
ก่อนนั้นมียามอีกคน ต้องตื่นขึ้นมาตอนดึกเพราะรู้สึกว่ามีอะไรมารัดคอ
พ่อหนุ่มคนนี้ร้องเสียงหลงสุดชีวิต รีบวิ่งออกมาจากห้องพัก
ทั้งในชุดนอนนั่นแหละครับ ตะกุกตะกักเล่าให้เพื่อนฟังว่ามีคนพยายามจะฆ่า
หลังจากนั้น เขาไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปใน Salt Tower อีกเลย" ฟิล วิลสัน
จากหอคอยแห่งลอนดอนเล่า
ในเอกสารที่ทางฝ่ายประชา
สัมพันธ์ส่งให้ทางบีบีซี ยังขยายความน่าขนลุกของ Salt Tower
เพิ่มเข้าไปอีกโดยบอกว่าพอตกดึกแล้ว
ไม่เพียงแต่คนเท่านั้นที่ไม่กล้าเข้าไปในหอคอยแห่งนี้ แม้แต่สุนัขก็ยังขยาด
ที่มา : http://www.bbc.co.uk/thai/highlights/story/2004/12/041225_ghosts.shtml
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น