วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558

ของเก่าล้ำค่า 4 อย่าง (四老)



 1.老身(เหล่าเซิน) ร่างกายเก่าๆของคุณ เพิ่มความใส่ใจต่อสุขภาพ เรื่องนี้   มีแต่ต้องอาศัยตัวคุณเองเท่านั้น
2. (เหล่าเฉียน) เงินทุนเกษียณอายุ เงินที่คุณหามาได้ คุณต้องเก็บรักษาด้วยตัวคุณเองเป็นดีที่สุด
3.老妻 (เหล่าชี) คู่ชีวิตของคุณ ทำทุกขณะร่วมกับคู่ชีวิตของคุณให้ล้ำค่า เพราะคุณคนใดคนหนึ่งจะต้องจากไปก่อน
 4.老友 (เหล่าอิ่ว)  เพื่อนเก่าของคุณ ฉวยทุกโอกาสพบปะสังสรรค์ กับเพื่อนๆของคุณ โอกาสเช่นนั้น  จะหายากขึ้นทุกที ตามเวลาที่ผ่านไป
 ***งานรวมรุ่นก็คือการตามหา ของมีค่าสิ่งสุดท้ายนี่เอง

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2558

เมื่อรู้จักตัวเอง รักในงานที่ทำ ทำอะไรก็สำเร็จ



เมื่อรู้จักตัวเอง รักในงานที่ทำ ทำอะไรก็สำเร็จ
บทความจาก line forward ของ เพื่อน Vasin Permsup

" บทความต่อไปนี้ มาจากจีน สถานที่ไม่ใช่สาระสำคัญ หน่วยของเงินก็ไม่ใช่สาระสำคัญ ให้เอาหลักคิดมาดัดแปลงดูว่าจะใช้กับการดำเนินชีวิตประจำวันกับชีวิตการงานได้สักแค่ไหน

ผม (CEO คนหนึ่ง) ออกจากฉีเจียหุ้ยจะไปสนามบิน จึงจบการประชุมลงอย่างรวดเร็ว ไปยืนหน้าตึกเมยหลอจะเรียกแท๊กซี่
มีแท๊กซี่คันนึงเห็นผม ก็ขับมาหยุดรับผม ๆ จึงได้รับบทเรียนบริหารธุรกิจฟรี ๆ มา 1 บท
ไปไหนครับ
สนามบิน

เมื่อขึ้นรถแล้ว คนขับก็เริ่มพูด ตอนผมอยู่แถวนี้ ผมก็ชอบที่จะมาหาลูกค้าที่ตึกนี้ แถวนี้ผมจะหาลูกค้าแค่ 2 ที่ คือตึกที่คุณเรียกและอีกตึกนึง ก่อนรับคุณผมก็วนหน้าตึก 2 รอบ ในที่สุดก็เห็นคุณ ออกมาจากตึกสำนักงาน ไม่ได้ไปใกล้ ๆ แน่

คุณนี่ฝีมือนะ
ขับแท๊กซี่ก็ต้องใช้วิธีวิทยาศาสตร์นะครับ
ผมตะลึง วิธีวิทยาศาสตร์อะไรของคุณ?”
ต้องรู้จักคำนวณ ผมคำนวณอย่างระเอียด ผมขับวันละ 17 ชม ต้นทุนต่อชั่วโมงคือ 34.5 เหรียญ

คุณคำนวณยังไง ?”
อ้าวคุณคิดดู ผมจ่ายค่ารถวันละ 380 ค่าน้ำมันประมาณ 210 วันนึง 17 ชั่วโมง เฉลี่ยต้นทุนชั่วโมงละ 22 เหรียญ ค่าน้ำมันชั่วโมงละ 12.5 รวมกันก็ 34.5 เหรียญผมตกใจ ผมนั่งรถแท๊กซี่มาร่วม 10 ปี ครั้งแรกที่ได้ยินคนขับคิดต้นทุนแบบนี้ จึงคิดจะคุยต่อกับเขา

ผมเคยได้ยินคนอื่นว่า ต้นทุนต่อ กม คือ 0.30 และต้องมีค่าใช้จ่ายอย่างอื่นอีก
ต้นทุนคิดเป็น กม ไม่ได้ครับ ต้องคิดเป็นชั่วโมง มิเตอร์นี้มีข้อมูลให้ตรวจสอบ

คุณจะได้รายละเอียดที่ขับของวัน ผมเอาตัวเลขมาคำนวณ ก่อนจะรับลูกค้าได้แต่ละราย ผมจะวิ่งรถเปล่าประมาณ 7 นาที ค่ารถเริ่มต้น 10 เหรียญ ต้องขับประมาณ 10 นาที ก็คือลูกค้าแต่ละคนต้องมีต้นทุน 17 นาที ก็คือ 9.8 เหรียญ การรับลูกค้าครั้งนี้จึงขาดทุน ยกตัวอย่าง ถ้าไปรับลูกค้าแถว ผู่ตง หังโจว ชิงผู่ ลูกค้ามากินข้าว ได้ลูกค้ารายละ 10 เหรียญ ยังไม่พอกินข้าวเลย

สุดยอดมาก คนขับคนนี้ไม่เหมือนคนขับรถแท๊กซี่เลย กลับเหมือนผู้เชี่ยวชาญคำนวณต้นทุน
งั้นคุณทำยังไง ?” ผมชักสนใจมากขึ้น หวังว่าจะได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมจากระยะทางที่เหลือกว่าจะถึงสนามบิน
อย่าให้ลูกค้าพาคุณวิ่งไปวิ่งมา แต่เราต้องเลือกที่จอดรอ ช่วงเวลาและลูกค้า เลือกที่ ๆ เราอยากไป
ฟังดูน่าสนใจไม่น้อย
คนขับพูดต่อ มีคนบอกว่า ขับแท๊กซี่เป็นอาชีพที่อาศัยดวง แต่ผมว่าไม่ใช่ คุณต้องยืนอยู่บนจุดยืนของลูกค้า คิดจากมุมมองของลูกค้าต่างหาก

คำพูดนี้ฟังดูเป็นมืออาชีพมาก เหมือนกับที่พวกอาจารย์สอนวิชาบริหารว่า “put yourself in to others shoes”

ยกตัวอย่าง หน้า โรงพยาบาล คนนึงถือถุงยา อีกคนถือกะละมัง คุณจะรับคนไหน ?”
ผมคิด ๆ ไม่รู้

คุณต้องรับคนที่ถือกะละมัง คนทั่วไปเจ็บนิดเจ็บหน่อยไปหาหมอที่ รพ รับยา เขาไม่ค่อยไป รพ ที่ไกล แต่คนที่ถือกะละมัง นั่นมันหายป่วยออกจาก รพ คนนอน รพ บางคนก็นอน ๆ ตายไป วันนี้ห้องนี้ตาย พรุ่งนี้ห้องนั้นตาย คนที่ออกจาก รพ จะมีความรู้สึกเหมือนเกิดใหม่ ได้ความหมายของชีวิตใหม่ ๆ สุขภาพสำคัญที่สุด เขาจะเรียกรถไปบ้านเลย โดยไม่คิดมาก มีหรือเขาจะเรียกไปแค่สถานีรถไฟใต้ดินเพื่อต่อรถกลับบ้าน ? ไม่มีทาง

ผมชักจะนับถือคนขับคนนี้มากขึ้นละ
ยกอีกตัวอย่าง วันนั้น มีลูกค้า 3 รายรอรถ หญิงสาวคนหนึ่งถือถุงใส่ของ เพิ่งช๊อปปิ้งเสร็จ แล้วก็ชายหญิงคู่หนึ่ง ดูทีก็รู้ว่ามาเดินเล่น คนที่ 3 ใช้ชุดทำงาน ที่มือถือสมุดจด ผมเลือกลูกค้าใช้เวลาแค่ 3 วินาที ผมจอดหน้าผู้ชายคนนี้โดยไม่ต้อลังเล

ตอนเขาขึ้นรถ ผมยังไม่ได้ถามว่าจะไปไหน เขาถามผมก่อนว่า ทำไมถึงเลือกจะรับผม ทำให้ผมไม่ค่อยสบายใจ เหมือนไปแย่งรถอีก 2 คน

คนขับตอบว่า ตอนกลางวัน อีก 10 นาทีก็บ่ายโมง ผู้หญิงคนนั้นแว๊บมาซื้อของ เดาว่าที่ทำงานอยู่ไม่ไกล ส่วนชายหญิงคู่นั้นเป็นนักท่องเที่ยว ก็ไปไม่ไกล แต่ดูคุณเป็นคนทำงาน เรียกรถตอนนี้ คาดว่าคงไม่ไปใกล้ ๆ

ลูกค้าผู้ชายตอบว่า คุณพูดถูก ไปเป่าซาน
พวกที่เรียกรถหน้าห้าง หน้าสถานีรถไฟใต้ดิน คนใส่ชุดนอน มันจะไปไกลเหรอ ? ไปสนามบินเหรอ ?”

คนขับยิ่งพูดยิ่งได้อารมณ์ ผมก็รู้สึกว่าเหตุผลนั้นดีมาก

คนขับหลายคนบ่นว่า ลูกค้าหายาก ค่าน้ำมันแพง ล้วนหาปัญหาจากตัวคนอื่น ถ้าเอาแต่ค้นหาปัญหาจากตัวคนอื่น ตัวเองก็จะไม่มีทางพัฒนาไปข้างหน้า คุณลองหาปัญหาที่ตัวคุณเอง ว่ามีปัญหาตรงไหน

คำพูดนี้เหมือนเคยได้ยินมาจากไหน เหมือนกับว่า ถ้าคุณเปลี่ยนโลกไม่ได้ ก็เปลี่ยนตัวคุณเอง

มีครั้งหนึ่ง ที่ถนนหนานตันมีคนเรียกรถ ไปเถียงหลิน อีกครั้งนึ่ง ถนนเส้นเดียวกัน ก็ไปที่เดียวกัน ผมก็ถาม ทำไมพวกคุณจากถนนเส้นนี้เรียกรถ มักจะไปที่เดียวกัน ? คนเขาตอบว่า ที่ถนนเส้นนี้ มีสุดป้ายของรถเมล์หลายสาย เราจะนั่งรถเมล์มาที่นี่แล้วก็เรียกแท๊กซี่ไปต่อ ผมถึงได้กระจ่าง เช่นถนนเส้นที่เราวิ่งผ่านมา ไม่มีอาคารสำนักงาน ไม่มีโรงแรม อะไรก็ไม่มี มีแต่ป้ายรถเมล์ พวกที่เรียกรถแถวนี้ ล้วนเป็นพวกเพิ่งลงจากรถเมล์ แล้วก็เลือกเส้นทางที่ใกล้ที่สุด ต่อรถ แท๊กซี่ คุณจะได้ค่ารถจากลูกค้าแถวนี้ ไม่เกิน 15 เหรียญ ผมถึงบอกว่า ความคิดตัดสินทุกอย่าง

ผมเคยได้ยินผู้บริหารระดับสูงเป็นสิบคนพูดประโยคนี้ แต่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินจากปากคนขับแท๊กซี่

ต้องใช้วิธีวิทยาศาสตร์ ใช้วิชาสถิติมาทำงาน วัน ๆ รอรับลูกค้าหน้าสถานีรถไฟใต้ดิน จะได้เงินเยอะได้ไง ? เดือน ๆ เหลือเงิน 500 เหรียญจะเลี้ยงครอบครัวได้ยังไง ? ต้องใช้ความรู้เสริมความแกร่งให้ตัวเอง ความรู้ทำให้คนฉลาดได้ คนฉลาดหาความรู้ทำให้ฉลาดมาก คนที่ฉลาดมากหาความรู้เพิ่มทำให้เป็นอัฉริยะได้

อีกครั้งหนึ่งมีคนเรียกรถไปสถานีรถไฟ ผมถามว่าจะไปทางไหน เขาก็บอกเส้นทางนึ่ง ผมบอกว่าช้า ผมแนะนำอีกเส้นทาง มันก็บอกว่าอ้อม ผมบอกว่าไม่เป็นไร ผมชำนาญแถวนี้ เส้นทางที่เขาบอกค่ารถ 50 เหรียญ ไปตามทางที่ผมบอก ผมก็คิดแค่ 50 เหรียญก็พอ ส่วนเกินจากมิตเตอร์ผมไม่คิด สุดท้ายวิ่งเกินจากเดิมไป 4 กม แต่เร็วขึ้น 25 นาที ผมก็เก็บลูกค้าแค่ 50 เหรียญ เขาดีใจมาก ประหยัดเงินไป 10 เหรียญ

4 กม นี้สำหรับผม ตีเป็นค่าน้ำมันคือ 1 เหรียญ เท่ากับว่าผมใช้เงิน 1 เหรียญ ซื้อเวลาได้ 25 นาที เมื่อกี้ผมบอกว่าต้นทุนผม 34.5 เหรียญ ต่อชั่วโมง มันคุ้มมากนะครับ

ฟังคนขับพูดจบ ผมนับถือเขายิ่งขึ้น เขาก็พูดต่ออีก ในบริษัทผม (บริษัทรถแท๊กซี่) ทั่ว ๆ ไปจะมีรายได้ 3-4000 เหรียญ ดีหน่อย 5000 เยอะที่สุดคือ 7000 ในบริษัทผมมีคนขับทั้งหมด 20,000 คน มีแค่ 2-3 คนที่หาได้เดือนละ 8000 เหรียญขึ้นไป ผมก็คือ 1 ในนั้น และรายได้มั่นคงมาก เปลี่ยนแปลงไม่มาก

สุดยอดมาก ฟังมาถึงนี่ ผมนับถือคนขับคนนี้มาก ๆ ๆ ๆ ถึงที่สุด

ผมมักจะบอกว่าผมเป็นคนขับแท๊กซี่ที่มีความสุข เพื่อนก็บอกว่า เพราะผมหาเงินได้เยอะ ผมจึงมีความสุข ผมตอบพวกมันว่า พวกคุณพูดผิด เพราะผมมีความสุข ผมจึงคิดบวกตลอด ผมจึงหาเงินได้เยอะ คุณต้องรู้จักได้ความสุขจากงานที่ทำ

ตอนรถติด คนขับส่วนใหญ่บ่นกัน รถติดอีกละ ซวยฉิบหาย อย่าคิดแบบนี้ ให้มองดูความสวยของเมืองนี้ ข้างนอกมีผู้หญิงสวย ๆ เยอะแยะ ตึกทันสมัย แม้จะไม่มีปัญญาซื้อ แต่ใช้หาความสุขจากการมองก็ได้นี่นา ขับรถไปสนามบิน ดูต้นไม้เขียวขจี 2 ข้างทาง มันสวยมากนะ แล้วดูที่มิตเตอร์ขึ้นไป 100 กว่าเหรียญแล้ว มันยิ่งสวยขึ้นไปอีก

งานทุกอย่างมีความสวยงามของมัน เราต้องรู้จักชื่นชมความสวยงามจากการงานที่เราทำ

ผมมาย้อนคิด ใครสามารถวิเคราะห์อาชีพตัวเองได้ดีเหมือนคนขับคนนี้ ถ้าคุณตั้งใจอ่านบทความนี้จนจบ คุณจะเหมือนผมหรือเปล่า
ที่มีคนมาเปิดโลกให้เรา เรามักจะคิดว่า มีแต่เงินเดือนที่ดีเท่านั้นที่จะผลักดันให้เราทำงานไปข้างหน้า แต่ความจริง แรงผลักดันนำมาซึ่งทัศนะคติที่ดี ทัศนะคติที่ดีนำมาซึ่งรายได้ที่ดี"

อ่านแล้วก็ยังชอบมาก  ขอเอามาให้อ่านอีกทีนะคะ

ระบบแจ้งเตือน LINE Notify โดยเอา token notify ใส่ใน description google calendar แล้วสั่งแจ้งเตือนแยกรายกิจกรรม แยกบุคคลได้ตาม token

    ที่มา :  script.google.com function getTodaysEvents () {   // ดึง Calendar หลักของผู้ใช้   var calendar = CalendarApp . getCalendarBy...